เข้าถึง…เข้าใจ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยมีประเด็นให้ขบคิดเยอะหลายเรื่องก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยหดหายไปดื้อๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนมองการเล่นหุ้นเป็นแบบ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพราะวอลุ่มของตลาดเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งฝรั่งตาน้ำข้าวยังสาดหุ้นออกมาเรื่อยๆ โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยถึงดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลยไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยมีประเด็นให้ขบคิดเยอะหลายเรื่องก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยหดหายไปดื้อๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนมองการเล่นหุ้นเป็นแบบ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพราะวอลุ่มของตลาดเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งฝรั่งตาน้ำข้าวยังสาดหุ้นออกมาเรื่อยๆ โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยถึงดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลยไงล่ะคะ
*โชคดีที่ดัชนียังสามารถยืนหยัดเหนือระดับ 1,800 จุดได้อย่างฉิวเฉียดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ภาพของการเล่นหุ้นถึงเอนไปในทางเข้าทำเร็ว พร้อมกันนั้นก็ขอให้นักเล่นลืมยุทธวิธีเล่นหุ้นแบบ let profits run ไปได้เลย เพราะมันไม่เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นมองเรื่องต่างๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อเข้าใจวงรอบการเคลื่อนตัวของหุ้นได้ชัดเจนขึ้นพะย่ะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้อย่าตั้งคำถามเกี่ยวกับการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,799.06 จุด ลบไป 9.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.98 หมื่นล้านบาท เพราะคำตอบของเรื่องนี้ มีให้เห็นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงมองว่า ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจแต่อย่างใด จนต้องทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะทุกคนเคยพบกับสถานการณ์แบบนี้กันมาหมดแล้ว รวมทั้งประเด็นร้อนที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ค่อยๆ ถูกเฉลยออกมาให้เห็นทีละเรื่อง จึงไม่มีอะไรเหนือการคอนโทรลอีกแล้วเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับการถูกเทขายอย่างหนักหน่วง 5 วันติดของหุ้นสุดเลิฟ EA ก็เป็นปรากฏการณ์ปกติของหุ้นที่ขึ้นรับข่าวล่วงหน้าเยอะเกินไป จึงต้องเผชิญกับแรงเทขายที่มากเป็นพิเศษในช่วงนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูแรงเทขายสะเด็ดน้ำเมื่อไหร่ ตรงนั้นจะเป็นจังหวะของการเล่นรอบใหม่ ส่งผลให้การอ่อนตัวลงมาปิดที่ 50.25 บาท ลบไป 9.50 บาท หรือลงไป 15.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.93 พันล้านบาท ล้วนเป็นภาพที่นักเล่นต้องหัดเรียนรู้นะจะบอกให้
*เหมือนกับคนที่เข้าเก็บ PTT ตั้งแต่วันก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ค่อนข้างคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะราคาหุ้นทรุดลงมาปิดที่ 552 บาท ลบไป 10 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่า 6.80 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับเงินปันผลที่ได้รับ 12 บาทต่อหุ้น แค่นี้ก็ได้กำไรไปแล้วหนึ่งเด้ง ส่วนเด้งที่สองก็เป็นการวิ่งรับข่าวแตกพาร์ที่กระตุ้นให้หุ้นวิ่งไปได้เรื่อยๆ ส่วนเด้งที่สามก็เป็นการวิ่งรับเป้าใหม่ที่สูงกว่าระดับ 643 บาทนะจ๊ะ
*ส่วนในรายของ ADVANC เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ 200 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่า 2.90 พันล้านบาท พร้อมกับสลัดอาการซึมๆ เศร้าๆ ขยับขึ้นไม่ไหวที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 2 เดือนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการโยกมาเล่นหุ้นสื่อสารมากกว่าประเด็นอื่น และนักเล่นควรไหลตามน้ำในทันที เพราะถ้าดูตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้นแบบอนุรักษ์นิยม หุ้นควรยืนเหนือ 200 บาทตั้งนานแล้วนะคะ
*ส่วนรายที่ก้ำกึ่ง “ขึ้น” หรืออาจ “ลง” ได้ตลอดเวลาอย่าง EPG ยังคงเป็นช็อตที่สร้างความลำบากใจให้กับผู้เล่นไม่ใช่น้อยนั้น “โมนิก้า” เข้าใจว่า ผลงานในปี 2561 น่าจะไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวัง จึงต้องระบายหุ้นออกจากพอร์ตไปก่อน หลังจากนั้นค่อยมาเซ็ตเกมกันใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ 6.85 บาท บวกไป 0.05 บาท อาจไม่ใช่จุดเปลี่ยนสำคัญของการเล่นเที่ยวนี้พะย่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับแรงเทขายที่มีออกมาเป็นระยะในหุ้น TK ก็ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องมองเรื่องดอกเบี้ยลดต้นลดดอก น่าจะกระทบความสามารถในการทำกำไรปี 2561 จึงไม่มีใครคิดจะเข้ามาไล่ราคาเหมือนก่อนหน้านี้ บวกกับวานนี้เป็นวันขึ้นเครื่องหมาย XD อย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นเลยรูดลงมาปิดที่ 15.20 บาท ลบไป 0.40 บาทแบบง่ายๆ ส่วนวันนี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดค่ะ
*เหมือนกับในรายของ THREL เด้งขึ้นมาปิดที่ 10.40 บาท บวกไป 0.65 บาท ด้วยวอลุ่มแห้งๆ ทั้งที่ดูตามหน้าเสื่อที่เกิดขึ้น หุ้นน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เพราะผลงานในปี 2560 ออกมาค่อนข้างดี และในปี 2561 น่าจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง “โมนิก้า” ถึงต้องเล็งไปที่ค่า P/E 13 เท่า ก่อนมองในมุมอื่นๆ เพราะมันสะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผลน่ะซี
*คล้ายกับกรณีของ UV ราคาหุ้นเด้งขึ้นเด้งลงเหมือนไม่ได้อิงปัจจัยพื้นฐาน ทั้งที่ตามรูปการณ์เห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ผลงานในแต่ละปีทำได้ค่อนข้างดี เหตุไฉนราคาหุ้นถึงได้สวิงสวายตลอดเวลานั้น “โมนิก้า” คงพูดได้แค่ว่า ต้องเล่นหุ้นตามกระแส ช่วงไหนไล่ราคากันแรงๆ ต้องตามไปดู..ช่วงไหนสาดทิ้งหนักๆ ต้องถอยเต็มตัว วันนี้ถึงต้องถามใจนักเล่นเมื่อเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.55 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 378 ล้านบาท ควรทำตัวอย่างไร?
*ส่วนรายที่ชัดเจน และแจ่มชัด พร้อมกับปิดมหากาพย์หงสาเป็นทางการอย่าง BANPU ก็เป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า หุ้นน่าจะเดินหน้าขึ้นอย่างแข็งแกร่งในอนาคต และทันทีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 2.70 พันล้านบาท ก็ทำให้ทุกคนเป่าปากโล่งใจกันเป็นแถว เพราะเงินแค่นี้ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้ง “เฮียชนินทร์” ร่วงหมดหรอก หุ้นเลยเด้งขึ้นไปถึง 24.20 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 22.90 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.30 % ด้วยมูลค่า 9.92 พันล้านบาทแบบนี้..น่าตามไปดูเช่นกันค่ะ