ล่มปากอ่าว (อีกแล้ว)

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ขอเรียนให้ทราบกันตรงๆ อีกสักครั้งว่า “โมนิก้า” เป็นหญิงสาวรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่กลับต้องมาเสียอารมณ์ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยเดินหน้าไม่สุดตัว แถมบางวันก็อ่อนเป็นมะเขือเผาสวนทางกับชาวบ้านชาวช่อง จนทำให้เดี๊ยนอารมณ์ค้างเป็นประจำทุกทีแบบนี้ เหมือนเป็นการสะท้อนภาพความรู้สึกหวาดกลัวยังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจนักลงทุนพะย่ะค่ะ

*วานนี้ถึงเห็นดัชนีรูดลงมาปิดที่ 1,781.64 จุด ลบไป 17.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.15 หมื่นล้านบาทอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นผลมาจากทุกคนเน้นกลยุทธ์ตั้งรับมากกว่าบุกลุย ลักษณะการเคลื่อนตัวของดัชนีถึงเปลี่ยนจาก “ไซด์เวย์” กลายเป็น “โค้งตัวลง” อย่างรวดเร็ว แถมเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดการเทขายไม่ยั้งของฝรั่งตาน้ำข้าว กับการเข้ามาซื้อแบบกะปริบกะปรอยของกองทุนตัวแสบ บวกกับปอบผีฟ้าขายแบบกลัวเสียของ น้องโมบอกได้ทันทีว่า งานหนักเจ้าค่ะ

*เนื่องจากแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่บริเวณ 1,780-1,760 จุดกำลังจะถูกทดสอบอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้นักเล่นได้รู้ว่า โพซิชั่นของตลาดหุ้นจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงหรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงอยากให้แมงเม่าตั้งตารอให้ดีเป็นพิเศษ เพราะนี่อาจเป็นช็อตทำกำไรสั้นๆ ของการเด้งขึ้นรอบใหม่ เดี๊ยนถึงสนับสนุนให้เหล่านักเล่นผู้กล้าหาจังหวะช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ตน่ะซี

*โดยเฉพาะในรายของ IRPC ถูกเทขายตลอดเวลา จนสุดท้ายหุ้นหลุด 8 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 7.65 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่า 1.41 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่กองทุนต้องการปรับพอร์ต จึงต้องเทขายหุ้นออกมาก่อน ต่อจากนั้นจะย้อนกลับเข้ามาเก็บอีกรอบ ไซเคิลของหุ้นถึงขยับขึ้นขยับลงเป็นแบบ w-shape ซึ่งเหมาะสำหรับนักเล่นรอบอย่างแท้จริงนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ CPF ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาเล่นอีกครั้ง “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ได้รับความนิยมมากพอสมควรในช่วงหุ้นใหญ่ตัวอื่นๆ โดนเล่นงานนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่ประจวบเหมาะกันพอดี จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ต้องหันมามองกันอย่างจริงจัง ยิ่งมีข่าวเกี่ยวกับตัวเลขปี 2561 ยังเติบโตแบบมั่นคง ยิ่งทำให้เห็นว่า การขึ้นมาปิดที่ 24.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่า 2.19 พันล้านบาท ยังมีแก๊ปให้พวกโหนกระแสเล่นต่ออีกพักใหญ่ๆ นะคะ

*ส่วนรายที่น่าจะหมดรอบอย่างแน่นอน คงหนีไม่พ้นหุ้นสุดร้อนแรงอย่างเช่น JMART โดยก่อนหน้านี้อาจไม่เป็นที่กล่าวถึงมากนัก แต่หลังจากนั้นก็ขยับขึ้นเป็นว่าเล่น จนขึ้นไปทำ high เกือบระดับ 25 บาท ล่าสุดกลับลงมายืนอยู่ที่ 15.10 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 8.50% ด้วยมูลค่า 298 ล้านบาท แถมแรงเทขายยังมีออกมาเป็นระยะแบบนี้..ถอยก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TTA เห็นกันทนโท่ว่า ไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 9.50 บาทขึ้นไปได้สักที แถมในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาก็เล่นกันไม่เกินกรอบดังกล่าวเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 8.55 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่า 131 ล้านบาท เพราะพวกขาประจำเขารู้ดีว่า ไม่จำเป็นต้องไล่หุ้นขึ้นไปสูงๆ และการเคาะสั้นๆ ไปตามจังหวะของตลาดมันคุ้มกว่าเห็นๆ ก็เท่านั้นเองค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องหันไปมอง GOLD เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นขาลุย หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4.15% ด้วยมูลค่า 245 ล้านบาท แถมเป็นการกระชากขึ้นแรง 3 วันติด หลังจากผ่านการพักตัวร่วมสัปดาห์ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการ follow buy เพราะถือว่า คนที่เล่นวันนี้เป็นพวกกล้าลุยนะจะบอกให้

*อีกหนึ่งรายที่คล้ายคลึงกัน “โมนิก้า” คงต้องชำเลืองมองม้านอกสายตาอย่างหุ้น TTCL พุ่งขึ้นมาปิดที่ 8.40 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 13.50% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท มันเป็นเกมที่น่าตามไปดูไม่ใช่น้อย เพราะเป็นการเด้งขึ้นในระหว่างที่หุ้นซึมลงอย่างช้าๆ มันตีความได้ในทันทีว่า “เริ่มกลับทิศ” หากเป็นเหมือนกับที่มองไว้ ก็คาดหวังได้ถึง 12 บาท ต่อจากนั้นค่อยขยับเป้าเป็น 14 บาทแล้วกันจ้า! (เรื่องวุ่นๆ จบลงแล้ว หุ้นก็ควรจะขึ้นเสียที)

*สำหรับในรายของ FSMART โดนเทขายออกมาตลอดเวลา จนราคาหุ้นไหลลงมากองอยู่ที่ 10.80 บาท ลบไป 0.20 หรือลงไปอีก 1.80% ด้วยมูลค่า 62 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องตัดใจ..ก็ควรต้องตัดใจ ไม่จำเป็นต้องทนถือต่อไปเรื่อยๆ บวกกับวานนี้เป็นการปิดจุดต่ำสุดของวัน มันหมายความว่า หุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงอีก เพราะไม่มีคนเข้ามาช่วยรับของ จริงหรือไม่?..วันนี้รู้ผลเจ้าค่ะ