ทำไมหุ้นไฟฟ้าผันผวน
จริงแล้วไม่อยากจะเรียกว่า “ผันผวน” ซักเท่าไหร่ เพราะในแง่ความเป็นจริง หุ้นพลังงานไฟฟ้ากำลังสร้างความ “ปั่นป่วน” ให้กับตลาดฯ ราคาเคลื่อนไหวขึ้น-ลง สวิงแรงมาก ไม่ว่าจะเป็น EA-GULF-GPSC-BCPG และ BGRIM
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
จริงแล้วไม่อยากจะเรียกว่า “ผันผวน” ซักเท่าไหร่
เพราะในแง่ความเป็นจริง หุ้นพลังงานไฟฟ้ากำลังสร้างความ “ปั่นป่วน” ให้กับตลาดฯ ราคาเคลื่อนไหวขึ้น-ลง สวิงแรงมาก
ไม่ว่าจะเป็น EA-GULF-GPSC-BCPG และ BGRIM
ปฏิเสธไม่ได้ว่านักลงทุนคาดหวังกับหุ้นกลุ่มไฟฟ้าสูงมาก
เพราะต่างมองว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดี หรือ Growth สูง นักลงทุนจะมองไปในอนาคตว่าการใช้ไฟฟ้าจะมากขึ้น และหุ้นพลังงานเหล่านี้จะเติบโตควบคู่ไปด้วย
ราคาหุ้นหลายตัวปรับขึ้นมาแรง และหลายบริษัทราคาวิ่งเกินเป้าหมายไปแล้ว คือ ไปเล่นกับ พี/อี ของ 2-3 ปีข้างหน้ากันเลย
เมื่อหุ้นไฟฟ้าตัวใดตัวหนึ่ง (ที่มีขนาดใหญ่) ราคาปรับขึ้นมา
หุ้นไฟฟ้าที่เหลือก็พลอยถูกลากตามขึ้นมาด้วยเกือบทั้งหมด คือ เฮไหน เฮนั่น พากันไป
ประเด็นของปัญหาคือบางทีตลาดก็ไม่ได้ดูว่าพื้นฐานแต่ละตัว การเติบโต และความเสี่ยงด้านการเงินนั้นแตกต่างกัน ผู้บริหารไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นหุ้นพลังงานไฟฟ้า และมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อราคาขึ้นมาสูงแบบนี้
แน่นอนว่ากลุ่มนักลงทุนที่มี “ข้อมูลเชิงลึก” ในมือ และรู้ว่าราคาหุ้นตัวไหน เกินพื้นฐานขึ้นมามากจริงๆ
หรือว่ามีความเสี่ยงรออยู่ก็จะถูกขายทำกำไรออกมา
“กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ” เป็นกลุ่มแรกที่ขายหุ้นไฟฟ้าออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน
และตามมาด้วย “กองทุน” ที่ขายทำกำไรออกมา
ต้นทุนของกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ได้มาในราคาไอพีโอ และเมื่อราคาขึ้นมาแรงแบบนี้ แล้วจะรออะไรล่ะ เพราะนี่คือจังหวะที่ดีในการ “ขายทำกำไร”
กองทุนก็คือนักลงทุนนั่นแหละ
มีกำไร (ตามเป้าหรือมากกว่าเป้า) ก็ต้องขายออก ของแบบนี้ว่ากันไม่ได้ กองทุนไม่ใช่มูลนิธิ เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นก็คือ Zero–Sum Game นั่นเอง
เมื่อมี “ผู้ชนะ” ก็ต้องมี “ผู้แพ้”
เมื่อราคาหุ้นไฟฟ้าปรับลงมา (ปรับสู่ความสมดุล) นักลงทุนกลุ่มต่างๆ ก็จะเริ่มกลับมาพิจารณาว่า หุ้นพลังงานไฟฟ้าตัวไหนที่สามารถเข้าไป (รับ) ซื้อได้
และเมื่อถึงตอนนี้ ทุกคนจะเริ่มกลับมาดูพื้นฐาน แผนงาน ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงต่างๆ มากขึ้น
ท่ามกลางข่าวว่า กองทุนที่ขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้เริ่มทยอยกลับมาซื้อ เราจึงเริ่มเห็นหุ้นพลังงานไฟฟ้าบางตัวในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ราคาเริ่มดีดกลับ เช่น GULF และ BGRIM
ล่าสุด บล.กสิกรไทยให้ราคาเป้าหมาย BGRIM ที่ 31 บาท
บล.บัวหลวงให้ราคา 32 บาท, บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้ราคา 34 บาท และ บล.เคทีบีฯ ให้ราคา 36.50 บาท
เมื่อวานนี้ ราคาหุ้น BGRIM บวก 0.25 บาท ปิดที่ 27.75 บาท จึงยังมีอัพไซด์อยู่ ราคาหุ้นเฉลี่ยออกมาแล้วยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมาย 33- 34 บาท
ส่วนหุ้น GULF บล.บัวหลวง ยังให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 80 บาท
วานนี้ราคาหุ้นลดลง 1.00 บาท ปิดที่ 72 บาท
อาจมีความกังวลว่าสัปดาห์นี้หุ้น GULF จะกลับมาติดแคชบาลานซ์ หรือไม่
เท่าที่ตรวจสอบดูพบว่าไม่น่านะ เพราะแม้พี/อีจะยังคงมากกว่า 40 เท่า (ตามเกณฑ์แคชบาลานซ์) แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯจะดูหุ้นที่มีระดับพี/อีเกิน 50 เท่าขึ้นไปเป็นหลักมากกว่า
ส่วนเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ของหุ้น GULF รอบล่าสุดก็ไม่ถึง 30%
ว่ากันว่าหุ้นพลังงานไฟฟ้าจะแกว่งตัวในกรอบแคบไปสักระยะเพื่อหาความสมดุล
มีคำถามเกี่ยวกับหุ้นพลังงานไฟฟ้าอีกตัวคือ EA
EA หรือ พลังงานบริสุทธิ์ หากนับจากต้นเดือนมีนาคม 2561 มาจนถึงขณะนี้ร่วงมาแล้วกว่า 38%
แม้ราคาหุ้นจะดีดกลับขึ้นมา 2 วันติดต่อกัน
ทว่านักวิเคราะห์ยังมองว่าเป็นการปรับขึ้นทางเทคนิค และยังต้องระวังในการเข้าลงทุน
ผ่านมาถึงตอนนี้ มีการคาดเดากันไปต่างๆ เกี่ยวกับการร่วงลงอย่างแรงของ EA ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
เพราะราคาหุ้นร่วงมาแบบ “ผิดธรรมชาติ”
ในช่วงที่ราคาลงมา 4-5 วันติดต่อกัน มีการทิ้งออกมาแต่ละไม้เป็นหลักล้านหุ้น ซึ่งมีเพียง “กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่” หรือ “กองทุน” เท่านั้นที่จะทิ้งกันแบบนี้ได้
ส่วนจะมีการทุบหุ้นเพื่อเก็บของ หรือใครปล่อยข่าวเพื่อลากหุ้นขึ้นไปแล้วทุบทิ้งหรือเปล่านั้น
สมมุติหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง
ก็ไม่น่าเกินความสามารถของตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต.