วอลุ่มแห้ง
*ทุกครั้งที่ “โมนิก้า” เหลือบเห็นวอลุ่มซื้อขายเคาะกันเปาะๆ แปะๆ ทีไร รู้สึกเสียววาบไปทั่วหน้าท้องเป็นประจำ เพราะอาการดังกล่าวบอกให้รู้ว่า ผู้เล่นเริ่มมีอาการลังเลใจมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเลือกใช้วิธีชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อดูลาดเลาตลาดหุ้นจะออกมาในโทนไหน? ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดู “ซึม เศร้า หงอย เหงา” อย่างที่เห็นกันเมื่อวานนี้แหละค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ทุกครั้งที่ “โมนิก้า” เหลือบเห็นวอลุ่มซื้อขายเคาะกันเปาะๆ แปะๆ ทีไร รู้สึกเสียววาบไปทั่วหน้าท้องเป็นประจำ เพราะอาการดังกล่าวบอกให้รู้ว่า ผู้เล่นเริ่มมีอาการลังเลใจมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเลือกใช้วิธีชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อดูลาดเลาตลาดหุ้นจะออกมาในโทนไหน? ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดู “ซึม เศร้า หงอย เหงา” อย่างที่เห็นกันเมื่อวานนี้แหละค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่ขวนขวายหาข่าวดีมานำเสนอแบบพร่ำเพรื่อ เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่มีคนกล้าเล่นกันยาวๆ อีกทั้งยังมีความหวาดระแวงพวกกองทุนตัวแสบเป็นทุนเดิม จึงไม่อยากจะเชื่ออะไรง่ายๆ อีกต่อไป เพราะเพิ่งเห็นตัวอย่างจากหุ้นพลังงานทางเลือกโดนกองทุนของเจ๊ตัวกลมสาดทิ้งโครมเดียวแบบดื้อๆ ถึงทำให้ผู้คนทั่วไปจำคำว่า zero sum game ได้ขึ้นใจไงล่ะคะ
*วันนี้ถึงอยากให้แฟนคลับมองไปยังการเคลื่อนตัวขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีบริเวณ 1,800 จุดเป็นเวลานาน ก่อนที่วานนี้จะปิดที่ระดับ 1,799.84 จุด บวกไป 0.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.92 หมื่นล้านบาท มันทำให้สถานการณ์หลายอย่างยังพลิกไปพลิกมา ไม่สามารถหาจุดที่เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ถึงรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากที่ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนกับที่คิดไว้สักเรื่องน่ะซี
*เหมือนกับกรณีของปูนใหญ่ SCC อุตส่าห์ขึ้นมายืนเหนือระดับ 500 บาทตั้งหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ทรุดตัวลงมาอยู่ใต้ระดับดังกล่าวเป็นประจำ ก่อนจะถีบตัวกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า นี่เป็นภาพที่วนเวียนไปมาหลายรอบ และวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หุ้นถึงยืนปิดที่ 504 บาท บวกไป 6 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.74 พันล้านบาทแบบชิวๆ ไงล่ะคะ
*อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสุดในเที่ยวนี้คือ PTTGC ราคาหุ้นวนเวียนไปมาบริเวณ 100 บาทเป็นเวลานาน และทุกครั้งยังพยายามฝ่าแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปให้ได้ สุดท้ายก็ยังทำไม่สำเร็จสักทีนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของตัวแปรหลายอย่างยังไม่เอื้อเท่าที่ควร หุ้นถึงทำดีสุดได้แค่การปิดที่ 98.25 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท โดยเหตุการณ์แบบนี้น่าจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่งนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่กลับลำแบบ 360 องศาอย่างหุ้น BEC ก็เป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่ถูกหยิบยกขึ้นมาปั่นกระแสกันสนุกสนาน จากก่อนหน้านี้มีคำแนะนำให้ “ขายทิ้ง” ล่าสุดกลายเป็นคำแนะนำให้ “ซื้อเก็บ” เพราะตัวเลขกำไรปี 2561 จะเติบโตหลายเท่าตัว บรรดาขาลุยถึงกระโจนใส่กันอย่างเมามัน จนหุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 13.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 460 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่เย้ายวนใจดีเหลือเกิน จึงน่าจะเล่นกันต่ออีกสักยกพะย่ะค่ะ
*สำหรับในรายของ NOK อาจเป็นกรณียกเว้นสำหรับการเล่นในเที่ยวนี้ เพราะการขึ้นในช่วงหลังมาจากพื้นฐานเริ่มกระเตื้องขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมทั้งความชัดเจนในการประคองสายการบินให้กลับมาอยู่ในลู่ทางของการทำกำไรอีกรอบ จึงกลายเป็นความหวังที่ทำให้นักเล่นเข้ามาไล่ราคากันอีกรอบ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 3.14 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40 ล้านบาท จึงเป็นอีกช็อตที่น่าตามไปดูเจ้าค่ะ
*ส่วนที่ออกลูกแทงกั๊กอย่าง MTLS กลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะให้ดีเป็นพิเศษ เพราะรอบก่อนก็เด้งขึ้นตรงบริเวณแนวรับ 37 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 37.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 675 ล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการเล่นรอบมากกว่าเล่นยาวๆ เพราะช่วงนี้กองทุนอาละวาดหนักเหลือเกิน จึงไม่จำเป็นต้องนอนกอดหุ้นแทนหมอนข้างหลายเดือนนะคะ
*ประเด็นดังกล่าวเทียบเคียงได้กับการโดนเทขายอย่างหนักหน่วงของหุ้น WORK น่าจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับรายข้างต้น แต่ต่างกันนิดหนึ่งตรงข่าวดีที่เคยเป็นตัวบิ้วท์กำไรของบริษัทดันหดหายไปดื้อๆ หุ้นถึงได้รูดลงไปกองอยู่ที่ 68 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไปอีก 4.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 185 ล้านบาท ตามตำราเขาเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า หมดรอบเล่น อย่าไปสนใจอะไรอีกเลยค่ะ
*ส่วนที่ดันราคารอบใหม่กันอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” ต้องโฟกัสไปที่หุ้นขายพัดลม KOOL เริ่มมีการปล่อยข่าวออกมาในทำนองรายได้และกำไรพุ่ง เพราะสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น นักเล่นขาลุยเลยกระโจนใส่กันอย่างเมามัน หุ้นเลยวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.80 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 19.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาทแบบนี้ ทำให้แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า ทะลุ 3 บาทแน่นอน..อิอิอิ
*เหมือนกับในรายของ ECF หากมองตามเนื้อผ้าของบริษัทในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า นี่เป็นจังหวะของการเกาะเกี่ยวหุ้นที่มีเรื่อง growth เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่เผอิญภาวะลงทุนไม่เป็นใจให้ไล่ราคากันแบบสุดเหวี่ยง หุ้นเลยเคลื่อนตัวในลักษณะ v-shape นักเล่นถึงต้องเริ่มมองทางหนีทีไล่ไว้บ้าง..หากวันนี้หุ้นขยับขึ้นอีก รับรองไปได้ไกล หากไปต่อไม่ไหว ต้องย่อตัวลงมาก่อน เพราะราคาปิดที่ 7.50 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่า 116 ล้านบาท มันเป็นยอดของตัววีน่ะซี