เขย่าอีกแล้ว!

*หากดูจากทรงของดัชนีที่แกว่งตัวไปมาตลอดทั้งสัปดาห์ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ดัชนีต้องผ่านกระบวนการเขย่าแรงๆ อีกหลายรอบ เพื่อทำให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำอย่างถาวร หลังจากนั้นถึงจะเห็นดัชนีเหินทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,850 จุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนหลายรายรับรู้กันอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อถึงคราวปฏิบัติจริงๆ กลับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ซะอย่างนั้นเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูจากทรงของดัชนีที่แกว่งตัวไปมาตลอดทั้งสัปดาห์ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ดัชนีต้องผ่านกระบวนการเขย่าแรงๆ อีกหลายรอบ เพื่อทำให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำอย่างถาวร หลังจากนั้นถึงจะเห็นดัชนีเหินทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,850 จุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนหลายรายรับรู้กันอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อถึงคราวปฏิบัติจริงๆ กลับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ซะอย่างนั้นเจ้าค่ะ

*ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองการขยับเขยื้อนของตัวนักลงทุนเป็นหลัก เพราะข้อมูลทางด้านสถิติบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ดัชนียังอยู่ในช่วงแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไปอีกระยะหนึ่ง และหากดัชนีทะยานขึ้นไปไม่ไหวจริงๆ แนวรับสำคัญตรงจุดแรกก็อยู่ที่บริเวณ 1,800 จุด ส่วนจุดสองก็อยู่ที่บริเวณ 1,760 จุด จึงขึ้นอยู่กับผู้เล่นมองประเด็นนี้อย่างไรนะคะ

*ที่สำคัญหากอ่านสัญญาณเทคนิคอย่างละเอียดจะเห็นว่า ค่าหลายตัวที่เคยอยู่ในระดับสูงๆ เริ่มเข้าใกล้สู่เขตปกติ ไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดอย่าง RSI และ Slow Stochastic ก็ลงมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจเหมือนกัน และหากผ่านกระบวนการย่ำฐานอีกสักระยะหนึ่ง น่าจะทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยลดลง และทำให้หลังบ้านแข็งแกร่งขึ้นเป็นกองพะย่ะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการที่ดัชนีพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,813.64 จุด สุดท้ายโรยตัวลงมายืนอยู่ที่ 1,798.55 จุด ลบไป 2.88 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.03 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นภาพของการเล่นเดย์เทรดที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้ตลาดหุ้นเหวี่ยงตัวขึ้นแรงลงแรง พร้อมกับเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมอีกครั้งว่า ช่วงนี้อย่ามองอะไรที่ยาวเกินไป เพราะโอกาสที่จะสำเร็จมีน้อยมากๆ ไงล่ะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องเข้าข้างหลังทีไร “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นดาวเด่นปิโตรเคมีอย่างเช่น IVL ขึ้นมาเป็นประจำ เพราะแผนการเงินค่อนข้างยอดเยี่ยม บวกกับแผนหุ้นก็ค่อนข้างไฉไลเหลือเกิน ราคาหุ้นถึงขยับเขยื้อนต่อเนื่อง แม้วานนี้หุ้นจะลงมากองอยู่ที่ 56 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 3.56 พันล้านบาท แต่มันก็เป็นจังหวะของการย่อก่อนขึ้นธรรมดาๆ และเดี๊ยนยังคงมองยอดเก่า 60 บาทอีกเช่นเคยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ PTTGC มีแบ็กอัพเกี่ยวกับตัวเลขกำไรเป็นที่ตั้ง ราคาหุ้นก็ตั้งป้อมขึ้นทุกครั้งไปเช่นกัน แม้ในบางจังหวะจะโดนเทขายไปบ้าง แต่โดยรวมยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นเหมือนเดิม ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 98 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่า 1.59 พันล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 11 เท่าแบบนี้ หุ้นมีโอกาสทะยานขึ้นไปอีกไกลเลยทีเดียวนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ GPSC หากดูราคาปิดที่ 77 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 36 เท่าเชียวน้า! แต่ถ้าดูจากสตอรี่ที่จะไหลเข้ามาในอนาคต บวกกับหุ้นเพิ่งขยับขึ้นอย่างช้าๆ ได้ไม่เกิน 2 วัน ย่อมกระตุ้นให้ขาประจำเข้ามาตะลุมบอนกันอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการฟินอย่างบอกไม่ถูก เพราะยอดเก่าอยู่แถว 85 บาทไงล่ะคะ

*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งรายอย่าง S ก็มาในพล็อตเดียวกันกับรายข้างต้น แรงซื้อไหลเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ขาใหญ่กระโจนเข้าใส่กันอย่างสนุกสนาน จนหุ้นวิ่งขึ้นมายืนที่ 3.98 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 302 ล้านบาท สุดท้ายก็เป็นการซื้อขายบนค่า P/E 47 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องหัดทำตัวให้ทันกระแส เพื่อเปิดช่องในการเล่นเก็งกำไรสั้นๆ (รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง) เจ้าค่ะ

*ในเมื่อกระแสหุ้นต่ำกว่าราคาเหมาะสมจุดติด “โมนิก้า” ก็ไม่แปลกใจที่ม้ามืดอย่างหุ้น BIG เกาะกระแสมากับเขาด้วย เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีองค์ประกอบครบถ้วนสมบูรณ์แบบ จึงทำให้การขึ้นมาปิดที่ 3.04 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 105 ล้านบาท เป็นเรื่องที่อธิบายได้เต็มปากเต็มคำ แต่สิ่งที่อธิบายไม่ได้ในคราวนี้คือ หุ้นจะวิ่งนานแค่ไหน? เพราะในอดีตมาแค่แป๊บเดียว ต่อจากนั้นก็หายไปเลยพะย่ะค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันกลับมาดู ICHI เป็นรายถัดมาในทันที เพราะในช่วงต้นปีตั้งท่าเตรียมจะคัมแบ็ก พอเอาเข้าจริงก็กลับมาไม่ไหว แต่ดูเหมือนว่า เที่ยวนี้ผู้เล่นจะไม่หลงเหลือความมั่นใจอะไรอีกเลย แรงซื้อถึงแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขาย จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 8.05 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 5.30% ด้วยมูลค่า 88 ล้านบาท เดี๊ยนภาวนาแค่ให้หุ้นยืนเหนือ 8 บาทได้อย่างแข็งแกร่งเท่านั้นพอ ต่อจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะคะ

*เหมือนกับในรายของ OTO พุ่งขึ้นพรวดพราดอย่างร้อนแรง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 3.74 บาท บวกไป 0.58 บาท หรือขึ้นไป 18.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะหุ้นขึ้นมาแบบเฉพาะกาล จึงไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ให้ปวดกบาลแม้แต่นิดเดียว หากวันนี้ไปต่ออีก ก็ต้องหาทางขายให้ได้..หากไปไม่ไหว ก็ต้องรีบตัดขาดทุน..ง่ายไหมคะ

Back to top button