พาราสาวะถีอรชุน

สอดคล้องต้องกันในจำนวนประเด็นที่เยอะแยะยั้วเยี้ยของร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 36 มหาปราชญ์ หลังข้อเสนอขอแก้ไขของครม.ที่ให้ปรับแก้จำนวน 120 ประเด็น (คสช.ไม่ได้ส่งคำเสนอขอแก้ไข) เช่นเดียวกันกับคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองและคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เสนอให้ตัดรัฐธรรมนูญเหลือแค่ร้อยกว่ามาตรา


สอดคล้องต้องกันในจำนวนประเด็นที่เยอะแยะยั้วเยี้ยของร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 36 มหาปราชญ์  หลังข้อเสนอขอแก้ไขของครม.ที่ให้ปรับแก้จำนวน 120 ประเด็น (คสช.ไม่ได้ส่งคำเสนอขอแก้ไข) เช่นเดียวกันกับคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองและคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เสนอให้ตัดรัฐธรรมนูญเหลือแค่ร้อยกว่ามาตรา

โดยเนื้อหาที่เสนอตัดนั้นให้นำไปบรรจุไว้ในกฎหมายลูกแทน แม้ในส่วนของครม. วิษณุ เครืองาม เนติบริกรขาใหญ่จะแทงกั๊กไม่บอกว่าเสนอขอแก้ไขในเรื่องอะไรบ้าง แต่ภาพรวมเห็นว่าชงไปให้ปรับแก้เกือบทั้งฉบับ ส่วนกรรมาธิการทั้งสองคณะของสปช.นั้นชัดเจนตรงไปตรงมาและน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับที่ฝ่ายการเมืองต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นการไม่เอานายกฯ คนนอกโดยต้องให้มาจากส.ส.เท่านั้น ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งส.ส.แบบสัดส่วนโอเพ่นลิสต์ พร้อมเสนอให้เลือกส.ส.เขต 400 คนและปาร์ตี้ลิสต์ 100 คนและให้เพิ่มกลไกในการตรวจสอบรัฐบาล โดยกำหนดให้ส.ส.สามารถเข้าชื่อเสนอญัตติต่อส.ว.เพื่อให้พิจารณาสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล หากพบหลักฐานว่ามีความผิดต้องให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาถอดถอน

ขณะที่ส.ว.ก็เสนอให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างกันอยู่ให้อำนาจส.ว. มาก ดังนั้น ควรกำหนดมาตรการคุณสมบัติของผู้สมัครส.ว.ที่เข้มข้นมากขึ้น และให้กกต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง มีอำนาจออกใบแดง ใบเหลืองเหมือนเดิมและให้ตัดคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง หรือ กจต. ออก เช่นเดียวกันกับการไม่เอามาตรา 181 และ 182 ที่ให้อำนาจนายกฯ มากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้นายกฯ ใช้อำนาจออกกฎหมายที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง

หลายคนสนใจต่อท่าทีดังกล่าวของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองที่มี สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน เพราะการเสนอในยกมาตราต่างๆ ที่ได้บอกมา เท่ากับเป็นการหักหน้าข้อเสนอของม็อบกปปส.ก่อนหน้านั้น หรือว่า เมื่อพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว บรรดาแกนนำที่ตัวเองเคยไปร่วมหัวจมท้ายในการโค่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังจะไปสวมสีเสื้อลงสมัครส.ส.กันในนามพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด

จึงต้องปลดล็อกอุปสรรคให้กันไว้ก่อน แต่จะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป ถือเป็นความหวังดีของคนที่มองเห็นปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า ขณะเดียวกันก็น่าจะเป็นการเตือนสติของอดีตอธิการบดีนิด้าได้อยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเกลียดชังนักการเมืองหรือระบบการเมืองอย่างไร แต่ในระบอบประชาธิปไตยแล้วการเลือกตั้งถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และควรจะเข้าใจด้วยว่า หนึ่งเสียงของทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน

หลังจากเห็นข้อเสนอที่ให้ตัดกจต.ออกจากร่างรัฐธรรมนูญ คงทำให้กกต.ทั้งหลายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ที่หลายคนไม่สบายใจคือ การเสนอที่จะให้เพิ่มอำนาจกกต.สามารถออกหมายเรียก หมายจับเหมือนการพิจารณาคดีอาญาของศาลได้ ดูเหมือนจะมากเกินไป เพราะมองในแง่ของความรับผิดชอบแค่จัดการเลือกตั้งให้สำเร็จเรียบร้อยยังทำไม่ได้

ใช่เพราะว่าเกรงจะทำให้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อเหมือนอย่างที่กกต.ทั้ง 5 คนอ้างต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557 สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนของความไม่เอาไหนของคนที่มีอำนาจแต่ไม่ยึดโยงหลักการปล่อยให้แกว่งไปตามกระแสกดดันหรือมีเบื้องหลังที่มากไปกว่านั้น จึงทำให้กลายเป็นคณะกรรมการไม่อยากจัดการเลือกตั้งไปเสียฉิบ

ภาพพฤติกรรมครั้งนั้นของกกต.ทำให้หลายคนติดตาตรึงใจและกลายเป็นตราบาปต่อความไม่เอาไหนขององค์กรที่มีหน้าที่ชัดเจนแต่ไม่ยอมดำเนินการอย่างเด็ดขาด จึงเป็นความกังขาในความเป็นกลางของกกต.ในเวลาต่อมา ดังนั้น หากมีอำนาจมากแต่คนไม่เชื่อใจในความยุติธรรม ก็เท่ากับว่าเป็นการยื่นดาบเพื่อไปใช้ฟาดฟันคนการเมืองหรือพรรคการเมืองอีกฝั่งได้สบายใจเฉิบ

ไม่เฉพาะกกต.ชุดนี้เท่านั้น หากย้อนกลับไปชุดก่อนหน้า กับการที่บางพรรคทำอะไรก็ไม่ผิด พร้อมๆ เหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ยกมาสนับสนุนทำให้เกิดความเสื่อม เมื่อเป็นเช่นนั้น แทนที่จะขอเพิ่มอำนาจหรือตีโพยตีพายในส่วนที่ตัวเองจะเสียอำนาจไป น่าจะใช้ช่วงจังหวะเวลาเช่นนี้เตรียมการเพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่น ให้ประชาชนเห็นภาพว่าเป็นกลางอย่างแท้จริงดีกว่า

ตอกย้ำภาพความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี วันวาน วิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ แถลงข่าว ปีนี้ไทยจะมียอดการผลิตรถยนต์ประมาณ 2 ล้านคัน จากความสามารถในการผลิต 2 ล้าน 8 แสนคัน โดยเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิตนั้น เป็นเพราะภาวะตลาดชะลอตัว ขณะที่ประมาณการยอดขายในประเทศระหว่าง 850,000 ถึง 9 แสนคัน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

วันเดียวกัน สมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายนปีนี้ ลดลงร้อยละ 1.70 เมื่อรวมยอดส่งออก 4 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 3.99 ผลจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่หดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะยางพาราที่ส่งออกลดลงถึงร้อยละ 25.8

เกษตรกรได้แต่ทำใจ ในขณะที่มนุษย์เงินเดือนก็ต้องลุ้นกันว่าบริษัทห้างร้านที่ตัวเองทำงานอยู่จะไปรอดไหม ใครจะโดนแจ๊คพ็อตตกงานบ้าง เรื่องขึ้นค่าจ้างไม่ต้องพูดถึงได้ครบทุกเดือนถือว่าโชคดี แต่ที่หลายคนไม่สบายใจคงเป็นภาวะค่าครองชีพกับข่าวที่รัฐบาลไฟเขียวจ่ายเงินตกเบิก 6 เดือนจากการขึ้นเงินเดือนข้าราชการจะมีผลในปลายเดือนหน้านี้

เพราะเมื่อมีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและมีข่าวว่าจะมีเม็ดเงินถึงมือข้าราชการกว่าหมื่นล้านบาท ย่อมหมายถึงการจับจ่ายใช้สอยที่จะคึกคักขึ้นทันตาเห็น เมื่อเป็นเช่นนี้พ่อค้าแม่ขายทั้งหลายก็ขยับราคาสินค้าต่างๆ ไปรอล่วงหน้า กลายเป็นว่าข้าราชการมีเงินเพิ่มมีกำลังซื้อ แต่มนุษย์เงินเดือนมีเงินเท่าเดิมแต่ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ต้องเก๊กซิมกันไปตามระเบียบ ทำไงได้ยุคนี้มันยุคข้าราชการเป็นใหญ่เขามีปัญญาคิดวิธีให้เงินหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่านี้จริงๆ

Back to top button