TFG เก่งหรือจะสู้เฮง

ผลประกอบการสิ้นงวดปี 2560 ของบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ถือว่าดีขึ้น ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เพียงแต่เมื่อเทียบกับผลงาน “ปีมหัศจรรย์เทิร์น อะราวด์” อย่างปี 2559 อาจจะดูเสน่ห์หดหายค่อนข้างมาก


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ผลประกอบการสิ้นงวดปี 2560 ของบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ถือว่าดีขึ้น ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เพียงแต่เมื่อเทียบกับผลงาน “ปีมหัศจรรย์เทิร์น อะราวด์” อย่างปี 2559 อาจจะดูเสน่ห์หดหายค่อนข้างมาก

อัตรากำไรสุทธิที่ลดลงเล็กน้อย แต่ PEG ที่ดูขี้เหร่…. ส่งผลต่อเนื่องถึงราคาหุ้นให้ต่ำเตี้ยใต้ 5.00 บาทยาวนานหลายเดือน ค่าพี/อี ต่ำสุดในรอบ 4 ปี หรือจะบอกว่าต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯมา ก็คงไม่ผิด

ก็จะเอาอะไรกันนักหนากับหุ้นไก่ๆ หมูๆ ที่มาร์จิ้นผันผวนตามฤดูกาลสารพัดปัจจัย

แต่นับจากนี้ไป เสน่ห์ที่เคยหายไป กำลังจะกลับมา … ไม่ใช่เพราะความสำเร็จเอกอุของซีโอโอคนเก่งอย่างนายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ อดีตพ่อมดการเงินมือทองฝังเพชร ว่าด้วย…มาตรการเข้ามาปรับธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 Innovation เต็มสูบ หวังสร้างการเติบโตยั่งยืน ลดต้นทุนการผลิต และแรงงาน …. อะไรนั่นหรอก

ความเก่งน่ะมันดีอยู่หรอก แต่มันยากจะหวือหวาเท่าความ “เฮง”… ไม่เชื่อถามคนรวยเพราะทำงานหนัก กับคนถูกหวยรางวัลที่ 1 เป็นชุด..ดูได้เลย

ความเฮงในปีนี้ ของ TFG ดูจะมาเป็นชุด ไม่กะปริบกะปรอย

ความเฮงหมายเลขหนึ่ง มาจากกรณีที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานการขึ้นทะเบียน หรือ รับรองแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ CNCA ได้ประกาศขึ้นทะเบียนบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปเนื้อไก่ของไทย ให้สามารถส่งออกสินค้าเนื้อไก่ไปจีนได้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นอนุญาตนำเข้าจาก 7 โรงงานของประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี

ผู้ประกอบการในธุรกิจไก่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบด้วย บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT, บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่มีการส่งออกไก่ไปต่างประเทศ ต่างได้รับแจ็กพ็อตถ้วนหน้า

เจ้าอื่นๆ ไม่เท่าไหร่ เพราะได้กันมาจนชินแล้วกับตลาดส่งออก แต่กรณี TFG นี่สิ ไม่ถือว่าธรรมดา….การได้รับการรับรองดังกล่าว คือการ “อัพเกรด” ยกระดับทัดเทียมคู่แข่งที่เป็น “เจ้าเก่า หน้าเดิม” อย่างเต็มภาคภูมิ

พี่เชิด หรือ นายเชิดศักดิ์ เปิดเผยว่า การจะส่งออกไปจีน ที่ได้รับ “ไฟเขียว” คราวนี้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้ลูกค้ามีการทดลองสินค้าก่อนที่จะมีการสั่งออเดอร์ โดยขณะนี้มีการติดต่อมาแล้วประมาณ 10 ราย เบื้องต้นน่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2561 และน่าจะส่งผลให้ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ ความต้องการน่าจะมีมากกว่าตลาดในประเทศ ประกอบกับตลาดส่งออกเดิมของบริษัทหลักๆ จะส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น และประเทศในแถบยุโรป

พี่เชิดถือโอกาสนี้ ปรับเป้าใหม่ ตามประสาซีโอโอไฟแรงที่บุกแหลกว่า ในปี 2561 บริษัทคาดว่า TFG จะมีการส่งออกเนื้อไก่แช่แข็งเพิ่มเป็น 50,000 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2560 ที่มีการส่งออกประมาณ 37,000 ตันต่อวัน และเพิ่มการผลิตไก่ปรุงสุกเพื่อส่งออกอีกราว 10,000 ตันต่อวัน จากโรงงานที่จะเปิดใหม่ และเริ่มผลิตในช่วงกลางปี 2561 นี้ หรือประมาณปลายไตรมาส 2/2561 …. จะส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทมีกำลังการผลิตไก่เพื่อส่งออกรวม 60,000 ตันต่อวัน ซึ่งยังไม่ได้รวมการส่งออกไปตลาดในประเทศจีน

นอกจากนั้น TFG ยังมีการขยายในส่วนของธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส และโมเดิร์นเทรด ไก่และสุกร จากที่มีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 2,500 ล้านบาท ในปี 2561 บริษัทได้ปรับเพิ่มการขายเข้าสู่ตลาดสุกรชำแหละผ่านโมเดิร์นเทรด และฟู้ดเซอร์วิส และขยายกำลังผลิตสุกรชำแหละ เพื่อเพิ่มกำไรขั้นต้นโดยตั้งโรงงานใหม่ผลิตสุกรแปรรูป และไส้กรอกหมูภายในปี 2561 นี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทวางเป้าหมายจะมีรายได้ประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน

นักวิเคราะห์ “เสือปืนไว” ของ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า

สำหรับ TFG ซึ่งมีธุรกิจไก่ 70% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นการส่งออก 15% ของรายได้รวม, ธุรกิจสุกร 21% ของรายได้รวม และธุรกิจอาหารสัตว์ 9% ของรายได้รวม จึงได้ประโยชน์รองลงมาจากรายเก่าเล็กน้อย….แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

เหตุผลเพราะการวิเคราะห์ดังกล่าวยังไม่รวมเอาปัจจัยเรื่อง “สงครามการค้าสหรัฐ-จีน” ที่เริ่มบานปลายเข้าไปด้วย

สงครามการค้าดังกล่าวที่เริ่มด้วยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจลงนามใช้มาตรา 301 ขึ้นภาษีขาเข้า เฉพาะกับจีนประเทศเดียว อ้างว่า “เพื่อความยุติธรรมทางการค้าที่เราถูกเอาเปรียบมานานแสนนาน และที่ไม่มีประธานาธิบดีคนไหนกล้าผูกมัดตัวเอง นอกจากข้าฯ”

หนึ่งในมาตรการที่จีนใช้ตอบโต้ทันควันคือ การประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะเนื้อสุกร… ที่ไม่ใช่หมาน้อยธรรมดา… เป็น 25%

แม้การตอบโต้ของจีน จะมีมูลค่าที่น้อยกว่าที่จะต้องเสียหายให้สหรัฐฯหลายเท่านัก โดยให้เหตุผลว่า….ไม่ต้องการให้มีความเดือดร้อนกับการตัดสินใจครั้งนี้มากเกินควร หรือ….เพื่อให้คิดต่อเองว่า นี่คือยกแรกก็เป็นได้ แต่มีผลต่อการนำเข้าธุรกิจเนื้อสัตว์ของจีนมากทีเดียว

อย่างน้อยนี่คือการส่งสัญญาณต่อคนส่งออกไก่ และหมู….ซึ่งรวมถึง TFG อย่างมีนัยสำคัญ

ใครจะว่า ช้างสารประทะกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ … ก็ว่าไป

แต่ผู้บริหารคนเก่งอย่างพี่เชิด นั่งดีดลูกคิดรางแก้วรอเลย…10 เก่ง หรือจะสู้ 1 เฮง

อิ อิ อิ

Back to top button