พาราสาวะถี
อาการแบ่งบทกันเล่น เว้นช่องไฟให้คนตอบของสนช.กรณีร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ดูจากท่วงทำนองแล้วคงหนีไม่พ้นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยที่ภาระดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาที่เกิดจากการแต่งตั้งโดยคสช. จะมาปัดสวะโยนภาระหรือเอากระดูกมาแขวนคอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างไร
อรชุน
อาการแบ่งบทกันเล่น เว้นช่องไฟให้คนตอบของสนช.กรณีร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ดูจากท่วงทำนองแล้วคงหนีไม่พ้นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยที่ภาระดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาที่เกิดจากการแต่งตั้งโดยคสช. จะมาปัดสวะโยนภาระหรือเอากระดูกมาแขวนคอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างไร
ดังนั้น คำตอบของ พรเพชร วิชิตชลชัย ที่ว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตีกลับร่างกฎหมายดังกล่าวมาให้สนช. พร้อมกับคำอธิบายว่า หากรัฐบาลมีข้อสงสัยในประเด็นของกฎหมาย สามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องส่งกลับมาให้สนช. ส่วนกระบวนการเวลานี้ทั้งนายกฯและสนช.มีสิทธิ์ยื่นให้วินิจฉัยทั้ง 2 ทาง ตราบใดที่นายกฯยังไม่ได้ร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ตรงนี้น่าจะเป็นความชัดเจน
ยังตามมาด้วยการให้สัมภาษณ์ของ พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 แม้จะอ้างว่าไม่รู้เรื่องร่างกฎหมายถูกตีกลับ แต่กลับยอมรับว่า มีการสั่งการให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเตรียมรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวไว้ หากเกิดกรณีต้องส่งตีความขึ้นมา สำทับโดย นายแพทย์เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิปสนช.ที่บอกว่า ตามกฎหมายนายกฯไม่จำเป็นต้องส่งกลับมา เพราะหากมีสนช.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ก็สามารถยื่นให้ประธานสนช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้
ไม่เพียงเท่านั้น กระบวนการทั้งหมดไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมวิปสนช. ดังนั้น รายงานข่าวที่ว่า สนช.ได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ศาลฯ ตรวจสอบก่อนเสนอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับหรือไม่รับไว้วินิจฉัย หรือจะมีการวินิจฉัยอย่างไร จึงเป็นข่าวที่มีมูลความจริง
ยิ่งย้อนกลับไปดูบทสัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์หลังการประชุมครม.สัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งมีคำตอบที่ชัดเจน เรื่องนี้ต้องจบในชั้นของสนช.เพราะได้มอบหมายภารกิจให้ไปแล้ว ไม่ใช่เป็นภาระของรัฐบาล ตามมาด้วยการกระทุ้งแรงๆ จากเนติบริกรที่ชื่อวิษณุ ถึงขั้นบอกว่านายกฯไม่ใช่ไปรษณีย์อย่านำสวะมาใส่ไว้ในมือ พูดกันโต้งๆ อย่างนี้มีหรือที่สภาซึ่งสนองตอบทุกความต้องการของผู้มีอำนาจจะปฏิเสธ โดยยืนกรานอ้างความเห็นของตัวเองถูกต้อง
ไม่ใช่เพียงแค่ว่าสนช.ได้ลักไก่ส่งร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้วเท่านั้น หากแต่พบว่า สนช.ยังไม่ได้มีการส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปที่นายกฯแต่อย่างใด โดยทางนายกฯได้แจ้งไปว่าให้สนช.ควรเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อย อย่าส่งเรื่องที่อาจจะมีปัญหาในภายหลังมาให้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางสนช.ตัดสินใจส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญทันที
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมเพื่อวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ซึ่งพบว่าทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้หารือกันเบื้องต้นแล้วว่า จะดำเนินการให้ได้ข้อสรุปในวันนี้เพื่อความรวดเร็ว ดังนั้น หากไม่มีอะไรติดขัด คาดว่าจะมีคำวินิจฉัยกรณีร่างกฎหมายดังกล่าวออกมาภายในวันนี้
อย่างที่วิษณุเคยบอกไว้ก่อนหน้านั้น เมื่อเป็นการพิจารณาประเด็นความเห็นต่างในแง่ของข้อกฎหมาย ไม่ได้มีการสืบพยานฝ่ายโจทก์ฝ่ายจำเลย จึงทำให้กระบวนการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นหากมีคำตอบเรื่องร่างกฎหมายส.ว.วันนี้จริง ก็หมายความว่า ร่างกฎหมายส.ส.ก็ไม่น่าจะล่าช้าอย่างที่มีการอ้างกันก่อนหน้านั้น
แต่จะถือเอาประเด็นของร่างกฎหมายส.ว.มาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ เพราะข้อกังวลตามที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ แสดงความห่วงใยผ่านไปยังสนช.นั้น มีเนื้อหาสาระที่ต่างกัน สิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ คงจะเป็นในเรื่องที่ว่า ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะตรงกับคำทำนายที่ 6 ของ สมชัย ศรีสุทธิยากร หรือไม่ ใครจะคาดการณ์ถูกใครจะหน้าแหก อดใจรอกันอีกอึดใจเดียว
บอกไว้แล้วตั้งแต่หลังวันเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ การที่มี ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตนักวิชาการจากกลุ่มนิติราษฎร์ร่วมเป็นผู้ก่อตั้ง ด้วยปูมหลังที่เคยร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 จากเจตนาดีที่ป้องกันไม่ให้บุคคลนำมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกัน ป้องกันมิให้บุคคลใดแอบอ้างนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ทำลายล้างกัน แต่นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่น่าฟังสำหรับคนบางกลุ่มบางพวก
ที่ผิดไปจากคาดการณ์ คือ การเคลื่อนไหวส่วนตัวของปิยบุตรจะถูกนำมาเป็นประเด็นโจมตีและเป็นเรื่องอ่อนไหวในช่วงการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกเล่นงานตั้งแต่ยังเริ่มเตาะแตะ จากการที่สมาพันธ์ประชาชนตรวจสอบรัฐไทยนำโดย สนธิญา สวัสดี เข้ายื่นคำร้องต่อประธานกกต.ขอให้ทบทวนการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยยกเอาประเด็นดังกล่าวมาเป็นเหตุผลในการร้องคัดค้าน
ร้อนถึงปิยบุตรต้องออกแถลงการณ์ชี้แจง การร่วมรณรงค์แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เป็นการกระทำและความเห็นส่วนตัว ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด ความเห็นส่วนตนจึงไม่ใช่นโยบายของพรรคและไม่ใช่คำประกาศอุดมการณ์ของพรรค พร้อมกับคำยืนยันว่าจะไม่นำเรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าวมาเกี่ยวข้องกับพรรคและไม่นำไปผลักดันในพรรค
ตามมาด้วยคำวิงวอนพร้อมเชิญชวนที่น่าสนใจ ขอความกรุณากลุ่มที่มีความคิดอนุรักษนิยมสุดโต่ง ได้ใช้สติปัญญาตรึกตรองอย่างมีเหตุมีผล เปิดใจรับฟังในสิ่งที่เกิดขึ้น หากยังมีข้อขัดข้องหรือไม่เห็นด้วยในเรื่องใด ปิยบุตรประกาศว่าพร้อมที่จะอภิปรายถกเถียงอย่างสร้างสรรค์ในทุกเรื่อง ทุกเวที อยู่ที่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นแค่นักร้องเรียนหรือกลุ่มคนที่ใช้เหตุและผลในการโต้แย้ง เห็นต่าง
บทเรียนวิกฤติที่ผ่านมา อย่างที่ปิยบุตรว่า เราอยู่ในวังวนของการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เสียเวลาและพละกำลังไปกับการทำลายล้างกันทางการเมือง ประเทศไทยสูญเสียเวลาและโอกาสไปมากพอแล้วกับเรื่องเหล่านี้ เราควรช่วยกันยุติการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์แบบนี้ นี่เป็นความคิดและความต้องการของคนส่วนใหญ่ แต่คนส่วนน้อยกลุ่มหนึ่งนั่นแหละที่เป็นตัวสร้างปัญหา โดยเฉพาะคนส่วนน้อยที่ยังคงใช้ความขัดแย้งเป็นเครื่องมือในการทำมาหารับประทานและเล่นเกมแห่งอำนาจ