สังคมข่าวหุ้น

*ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดที่ 1,766.92 จุด เกือบหลุดแนวรับสำคัญ 1,760 จุด หลังจากมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หรือหลังสี่โมงเย็นในหุ้น PTT และ AOT ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ แต่นักวิเคราะห์มองว่า ยังมีโอกาสที่หุ้น 2 ตัวนี้จะปรับลงได้อีก ให้แนวรับ PTT หรือราคาน่าเก็บไว้ที่ระดับ 430 บาท  และ AOT อยู่ที่ 64-65 บาท ใครอยากเก็บเข้าพอร์ต ก็ต้องอดใจรอกัน


คาเฟอีน

*ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดที่ 1,766.92 จุด เกือบหลุดแนวรับสำคัญ 1,760 จุด หลังจากมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หรือหลังสี่โมงเย็นในหุ้น PTT และ AOT ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ แต่นักวิเคราะห์มองว่า ยังมีโอกาสที่หุ้น 2 ตัวนี้จะปรับลงได้อีก ให้แนวรับ PTT หรือราคาน่าเก็บไว้ที่ระดับ 430 บาท  และ AOT อยู่ที่ 64-65 บาท ใครอยากเก็บเข้าพอร์ต ก็ต้องอดใจรอกัน

*ปัจจัยที่กดดันดัชนีนอกจากหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ต่างนัดกันไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการโอนเงิน ชำระค่าสินค้า ถอนเงินข้ามเขต ฯลฯ และยังมาจากปัจจัยด้านการเมืองที่มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉบับกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพราะคำนวณวันดูแล้ว มีโอกาสที่จะไม่ได้เลือกตั้งตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ คือราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ค่อนข้างแน่นอน

*นักวิเคราะห์หลายคนมองตรงกันว่า หากการเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปอีก หรือกรณีเลวร้ายสุดไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลง (อย่าง) แรงกันล่ะ เพราะดัชนีที่ขึ้นมารอบนี้ ก็มีปัจจัยเรื่องการกำหนดช่วงเวลาการเลือกตั้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น นักลงทุนต้องแสวงหาหุ้นปลอดภัย พื้นฐานดีเยี่ยม ทนทุกสถานการณ์ เข้ามาไว้ในพอร์ต และทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ก็จะไปถามผู้รู้มาเสนอข่าวให้อ่านกันว่ามีตัวไหนบ้าง

*หุ้นบัตรกรุงไทย หรือ KTC ราคาหุ้นปรับขึ้นมา 8 วันติดต่อกัน หรือกว่า 60 บาท แล้ว ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 322 บาท ในมุมมองของนักวิเคราะห์ต่างแนะนำให้ถือ หรือ อย่าไปซื้อเพิ่ม และแม้ว่าหุ้นจะมีพื้นฐานที่ดี มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แต่ราคาเกินพื้นฐานมาค่อนข้างมากแล้วนะ มีโอกาสถูกขายทำกำไรได้ แต่หากใครคันไม้คันมือ มั่นใจว่าเข้าเร็ว ออกเร็ว นั่นก็เป็นอีกเรื่อง ขอให้โชคดีนะออเจ้า

*เห็นหุ้น FSMART เจ้าของตู้เติมเงินมือถือบุญเติมแล้วเศร้าใจ เพราะ 2 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้นลงมายังกับเขาจะประกาศปิดกิจการ ทั้งที่จากข้อมูลที่ผู้บริหารและนักวิเคราะห์บอกออกมาค่อนข้างตรงกันคือ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามค่าฟีของแบงก์ต่างๆ มากนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน และรายได้กว่า 85% ของ FSMART ก็มาจากการเติมเงินมือถือที่เขามีฐานลูกค้าเป็นของตัวเองอย่างเช่น กลุ่มหาเช้ากินค่ำ ซึ่งคนกลุ่มเหล่านี้ ปกติก็ไม่ค่อยใช้บริการผ่านธนาคารอยู่แล้ว และยังเป็นฐานที่มีขนาดใหญ่มากด้วย ราคาหุ้นลงมาแบบนี้ จึงเป็นจังหวะดี ราคาเป้าหมาย 13-15 บาท อัพไซด์เพียบเลย ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/2560 จะออกมาดีด้วย

*มีเรื่องน่าสนใจมาบอกกันจาก “บุญทิพย์ กฤตชัยกุล” กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ เขาจับจังหวะการลงทุนในตลาดหุ้นให้กับบรรดามือใหม่สามารถขยายพอร์ตการลงทุน ออมหุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ พื้นฐานดีแบบสม่ำเสมอ กับบริการ “SCBS DCA” เป็นบริการออมหุ้นแบบอัตโนมัติ ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ช่วยสร้างวินัยการออมเงิน ด้วยเงินเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเดือนละ 2,000 บาท ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.scbs.com/th/product/scbs-dca กันได้

*แบงก์ทหารไทย หรือ TMB ก็เป็นหุ้นอีกตัวที่ราคาปรับลงมาแรงมาก ล่าสุด ปิดที่ 2.52 บาท ลดลงกว่า 8.03% กันเลย หลังถูกมองว่า จะได้รับผลกระทบจากเรื่องของค่าฟี แต่จริงๆ แล้ว หากจะวิเคราะห์กันนะ คือ ทีเอ็มบี เป็นผู้เล่นในเรื่องฟรีค่าธรรมเนียมอยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบในด้านรายได้ แต่อาจจะไม่สามารถหาลูกค้าได้เพิ่มจากกลยุทธ์ฟรีค่าธรรมเนียม ซึ่งประเด็นนี้ ก็ต้องจับตาดูว่าทางทีเอ็มบีจะทำอย่างไร และเป็นอีกประเด็นที่ท้าทายซีอีโอคนใหม่ “ปิติ ตัณฑเกษม” ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้เอง

*ข่าวล่ามาร้อนๆ  ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ร่วมทำสงครามกับเขาด้วย เมื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านทาง KK e-Banking และ KK e-Banking @PhatraEdge ได้แก่ การโอนเงินต่างธนาคาร การโอนเงินข้ามเขตภายในธนาคาร การชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบริการเรียกเก็บเงินแบบไม่มีกำหนด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนนี้ ฝุ่นตลบเพิ่มอีก

Back to top button