ยักษ์ชนยักษ์

*หากเปรียบสถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่อเมริกายืนปักหลักแลกหมัดอุตลุดกับจีน ก็ต้องเปรียบเทียบไปในทำนอง “ยักษ์ชนยักษ์” เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 เป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ส่งผลให้การสาดน้ำลายใส่กันแต่ละครั้งสะเทือนกันไปหมดทุกหย่อมหญ้า ซึ่งรวมถึงการประกาศใช้มาตรการภาษีเพื่อตอบโต้ทางการค้า ก็ทำให้ทุกคนสะพรึงกลัวกันเป็นแถวนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากเปรียบสถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่อเมริกายืนปักหลักแลกหมัดอุตลุดกับจีน ก็ต้องเปรียบเทียบไปในทำนอง “ยักษ์ชนยักษ์” เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 เป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ส่งผลให้การสาดน้ำลายใส่กันแต่ละครั้งสะเทือนกันไปหมดทุกหย่อมหญ้า ซึ่งรวมถึงการประกาศใช้มาตรการภาษีเพื่อตอบโต้ทางการค้า ก็ทำให้ทุกคนสะพรึงกลัวกันเป็นแถวนะจะบอกให้

*ด้วยปัจจัยดังกล่าวถึงทำให้ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ 1,765.24 จุด ลบไป 17.04 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.21 หมื่นล้านบาทแบบง่ายๆ เพราะมันเป็นเกมที่บีบให้แต่ละประเทศต้องเลือกข้าง ซึ่งมันหมายถึงชะตากรรมทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ จะเป็นไปในทิศทางไหน? จึงกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคตออกมาก่อน (ผลทางจิตวิทยา) ไงล่ะคะ

*ภาพของการลงทุนในเดือน เม.ย. ถึงไม่สวยหรูสักเท่าไหร่? และยังมีการแนะนำให้เทขายหุ้นมากกว่าสะสมหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เป็นการเซ็ตเกมในราคาต่ำ เพื่อทำให้ช่องทางการออกของทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีคนพร้อมจะรับของเข้าพอร์ตไม่อั้น เพียงแต่สถานการณ์ ณ เวลานั้นไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป เพราะมีเรื่องปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุมเข้ามาเกี่ยวข้อง อาการจิตตกถึงแผ่ขยายไปในวงกว้างพะย่ะค่ะ

*เมื่อเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับหัวใจดวงน้อยๆ “โมนิก้า” จำเป็นต้องหันมามองการเคลื่อนตัวของดัชนีเริ่มออกลูกแทงกั๊กมากขึ้นเรื่อยๆ หลังทรุดตัวลงมาต่ำกว่าเส้นแนวรับ 10 วัน 25 วัน และ 75 วัน บวกกับแนวรับพลิกเป็นแนวต้านตรงบริเวณ 1,780 จุด เท่ากับทำให้ใจของคนเล่นหุ้นเป๋หนักกว่าเดิมแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า ชักมีอาการน่าเป็นห่วงมากขึ้น เพราะหากหลุดแนวรับสุดท้ายตรงบริเวณ 1,760 จุดอีกรอบ..คงต้องไปรอแถว 1,720 จุดโน่นเลยค่ะ

*กรณีดังกล่าวเหมือนกับเหตุการณ์ของหุ้น EA โดนถล่มอย่างหนักหน่วง จนหุ้นรูดลงมาปิดที่ 34 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 12.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 พันล้านบาทแบบรวดเร็วนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นที่ลดน้อยถอยลง บวกกับผู้เล่นหลักหันมาเล่นเกม “ขายบนซื้อล่าง” กันมากขึ้น รวมทั้งข่าวลืออีกเยอะแยะมากมายก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นโดนเขย่าหนักเหลือเกินในช่วงนี้..เดี๊ยนถึงบอกได้แค่ว่า เดี๋ยวทุกอย่างก็จะชัดเจนขึ้นเองในไม่ช้าค่ะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ BGRIM ก่อนหน้านี้เคยวิ่งขึ้นไปถึง 45 บาท ต่อจากนั้นโดนเทขายกดลงมาอยู่ที่ 37 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมายืนแถว 40 บาท ขณะที่อาการล่าสุดหลุดจุดเด้งกลับดังกล่าวมาปิดที่ 23.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 931 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของตลาดที่ไม่ให้ราคาหุ้นพลังงานทางเลือกเหมือนเมื่อก่อน อะไรต่อมิอะไรถึงดูแย่ลงไปหมดเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นไฟแนนซ์ยอดนิยมอย่าง MTLS มีข่าวดีเกี่ยวกับรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% เป็นแบ็คอัพของการทะยานขึ้น ก็ยังไม่รอดพ้นการเทขายอย่างหนักหน่วงไปได้เลย หุ้นถึงทรุดลงมาปิดที่ 35.75 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 836 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงฟันธงในทันทีว่า มันเป็นผลมาจากใจไม่นิ่ง บวกกับสถานการณ์มันไม่เอื้อให้เล่นสุดซอย หุ้นถึงหลุดแนวรับสุดท้ายบริเวณ 37.25 บาทอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสไหลลงอีก..อิอิอิ

*อีกหนึ่งหุ้นที่ตกอยู่ในวิบากกรรมขาลงเต็มตัว “โมนิก้า” คงต้องพุ่งเป้าไปที่ WHA เป็นลำดับแรกของการเล่นเที่ยวนี้ เพราะหุ้นเริ่มไหลลงจากระดับ 4.50 บาท นับตั้งแต่กลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา แถมตลอดทางเป็นการหลุดแนวรับสำคัญลงมาอย่างช้าๆ ก่อนจะไหลลงยาวแบบไม่ให้รู้ตัว มาเห็นอีกทีก็ยืนอยู่ที่ระดับ 3.60 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450 ล้านบาท พรายกระซิบเม้าท์ว่า มีสิทธิ์ลงยาวจ้า!

*เม้าท์ถึงหุ้นที่ทรุดตัวลงหนักขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ก็ต้องหันมามองหุ้น MCS ในทันทีเหมือนกัน เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหุ้นโดนกดลงมากองอยู่ที่ 9 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 9.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่บอกให้รู้ว่า ไม่ปกติ? จึงไม่ควรเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะมองไม่เห็นความคุ้มค่าของการไปเสี่ยงนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ TPCH ไหลลงมาเรื่อยๆ จนหลุด IPO ที่ราคา 12.75 บาทลงมาอย่างง่ายดาย ต่อจากนั้นก็ไหลลงทุกวันเหมือนไม่มีดิสเบรกสี่ล้อ จนสุดท้ายลงมายืนอยู่ที่ 9.90 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 99 ล้านบาท พร้อมกับปิดที่ราคาต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นสัญญาณอันตรายที่ผู้เล่นต้องคิดให้ดีก่อนเข้าไปรับของร้อนเจ้าค่ะ

*คล้ายกับกรณีของ AMA โดนถล่มเทขายแบบไม่ยั้งมือ จนหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 10.10 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ระดับ 9.99 บาท กับราคาหุ้นก่อนหน้านี้เคยยืนแถว 15-16 บาท พรายกระซิบถึงชี้เป้าไปยังขาใหญ่เป็นคนกระทำชำเราหุ้นอย่างหนัก เพราะไม่มีใครที่มีต้นทุนต่ำกว่านี้อีกแล้ว..จริงหรือไม่?  คุณพี่พิศาลน่าจะเป็นคนที่รู้ดีสุดพะย่ะค่ะ

Back to top button