พาราสาวะถี
น่าสนใจใครเป็นคนคิดและลงมือทำ หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ของกรมศิลปากร เนื้อหาอย่างที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หากจะยึดหลักว่าใครคือผู้ชนะ ย่อมจะเขียนประวัติศาสตร์อย่างไรก็ได้ นั่นอาจจะใช้ได้ในยุคดึกดำบรรพ์ ที่มนุษย์ยังไร้วิวัฒนาการด้านการสื่อสาร แต่ไทยแลนด์ยุค 4.0 กลับยังใช้ความคิดยุคไดโนเสาร์ ถามคนชนะว่าชื่นชอบกับสิ่งที่ปรากฏอย่างนั้นหรือ
อรชุน
น่าสนใจใครเป็นคนคิดและลงมือทำ หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ของกรมศิลปากร เนื้อหาอย่างที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หากจะยึดหลักว่าใครคือผู้ชนะ ย่อมจะเขียนประวัติศาสตร์อย่างไรก็ได้ นั่นอาจจะใช้ได้ในยุคดึกดำบรรพ์ ที่มนุษย์ยังไร้วิวัฒนาการด้านการสื่อสาร แต่ไทยแลนด์ยุค 4.0 กลับยังใช้ความคิดยุคไดโนเสาร์ ถามคนชนะว่าชื่นชอบกับสิ่งที่ปรากฏอย่างนั้นหรือ
รัฐบุรุษคือการยกตัวเองว่าเก่ง ดีเลิศประเสริฐศรี หรือควรที่จะเป็นคนส่วนใหญ่หรือประชาชนในชาติเป็นผู้สรรเสริญเยินยอ ก็ต้องฝากคำถามไปยังอธิบดีกรมศิลปากรและกระทรวงวัฒนธรรม เหตุที่เพื่อนบ้านไม่ยอมรับประวัติศาสตร์ไทยในบางเรื่องนั้นเพราะอะไร คงจะรู้ดี นี่เล่นเขียนยกยอปอปั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เอาแค่เรื่องประชาธิปไตย หากไม่มืดบอดทางปัญญา ถามว่าตลอดเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาคนเขียนหนังสือเล่มนี้มองว่าการใช้อำนาจพิเศษ มีมาตราวิเศษอย่างม.44 จัดการปัญหาทุกเรื่อง ห้ามวิจารณ์ห้ามตรวจสอบ นี่คือกระบวนการตามประชาธิปไตยอันเป็นสากลและโลกยอมรับเช่นนั้นหรือ หากจะบอกว่านี่คือประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็คงบอกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์แห่งการใช้อำนาจเผด็จการและเล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมายได้แยบยลและหน้าทนเป็นที่สุดกระมัง
หากเป็นอดีตกาลหรือในยุคที่ข่าวสารประเทศไทยใช้ความเชื่อเป็นหลัก สงครามโฆษณาชวนเชื่อมีประสิทธิภาพ เจ้ากรมข่าวลือคือผู้กำชัยชนะในการสื่อสารนั่นว่าไปอย่าง มายุคนี้ยังมีความคิดและความเชื่อเช่นนี้ ถ้าคิดว่ามีอำนาจเสียอย่างและทุกอย่างคือความสบายใจก็เชิญละเลงกันให้สนุก แต่หากหวังจะปลูกปัญญา สร้างอนาคตให้ประเทศจริง ก็ลองใช้สติปัญญาที่มีว่าสิ่งที่ทำอยู่ควรและเหมาะสมแล้วหรือไม่
การเมืองว่าด้วยเรื่องพรรคของผู้มีอำนาจ อ่านกันขาดมองกันออกหมดแล้ว ยิ่งผู้ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจเริ่มแสดงอาการหน้าบาง หงายไพ่ให้คนทั้งประเทศเห็น การแต่งตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองมาเป็นที่ปรึกษาท่านผู้นำ มันเป็นตัวบอกเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการยกข้อกฎหมายมาขู่แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ไปตีกอล์ฟกับคนตระกูลสะสมทรัพย์ที่นครปฐม ก็น่าจะเป็นการบ่งบอกอาการของคนหวงอำนาจเป็นอย่างดี
มีอย่างที่ไหน ตอนตัวเองไปตีกอล์ฟกับคนตระกูลนี้ มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการต่อท่อ ส่งเทียบเชิญมาร่วมพรรคคสช. ก็บอกว่าแค่อยากลองสนามระดับโลก พอนักการเมืองจะไปเล่นกีฬาอย่างที่ตัวเองทำบ้าง กลับยกข้อกฎหมายต่างๆมาอ้างมาขู่ ทั้งที่ความจริงเมื่อใช้อำนาจล็อกเป้าหมายไว้แล้วและดิ้นไม่หลุด ทำไมจะต้องกลัวว่าสิ่งที่คุยกันไว้แล้วจะเกิดการเปลี่ยนใจ
ต้องเข้าใจด้วยว่าหากเชื่ออำนาจและอิทธิพลมีผลต่อการเลือกตั้ง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหวั่นไหวกับการยกพลไปของแกนนำพรรคนายใหญ่ที่นครปฐม เว้นเสียแต่จะยอมรับความจริงว่าการเมืองยุคใหม่ ประชาชนไม่ได้กลัวผู้มีอิทธิพล และผู้มีอิทธิพลก็ไม่ได้กลัวการใช้อำนาจ แต่เชื่อมั่นว่าประชาชนจะเลือกเพราะผลงานและการยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย นั่นต่างหากที่ทำให้อำนาจเผด็จการหวาดกลัวก็อีกเรื่อง
คนการเมืองนั้นต้องยอมรับกันว่าเป็นพวกมนุษย์พันธุ์พิเศษ จะหูไว ตาไวและจมูกไวกว่าคนทั่วไป มองการแต่งตั้งคนตระกูลคุณปลื้มร่วมรัฐบาลคสช. ก็รู้แล้วว่าปลายทางจะจบลงอย่างไร ไม่ต่างจากคนของพรรคเก่าแก่ที่ลาออกไปรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. สิ่งที่เฝ้าติดตามกันอยู่เวลานี้คือ ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไปหรือจะมีการเปิดตัวแสดงตนร่วมองคาพยพของเผด็จการอีก
สิ่งที่ วิวรรธไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ออกมาวิเคราะห์เรื่องความพยายามจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ไม่ถึง 250 เสียงนั้นถือเป็นกลยุทธ์หลักของคณะรัฐประหารที่วางไว้แต่ต้น หรืออาจจะเรียกได้ว่าตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียด้วยซ้ำ แต่การเมืองจะด่วนสรุปว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นไม่ได้เสียทีเดียว
หลังฉากไม่อาจมีใครล่วงรู้ได้ว่ามีการเจรจาลับอะไรหรือไม่ จับอาการจากผู้ผิดหวังบางรายก็ดูเหมือนว่าดีลก่อนหน้าที่เคยคุยกันไว้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงต้องออกมาฟาดงวงฟาดงา แต่ว่ายังมีข่าวเล็ดลอดมาต่อเนื่อง แม้คนกุมอำนาจจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และแสดงความยิ่งใหญ่ให้คนเห็น ทว่าอีกด้านก็ยังมีการต่อสาย ยื่นหมูยื่นแมวกันอยู่ เพียงแต่ว่าปลายทางต้องชั่งน้ำหนักหรือคิดให้รอบคอบกว่าที่ผ่านมา เพราะเคยถูกหลอกมาซ้ำซาก
ดังนั้น การอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นจึงเป็นคาถาสำหรับการติดตามการเมืองในห้วงเวลาเช่นนี้ ที่แน่ใจได้อย่างเดียวคือ พรรคการเมืองคสช.เกิดชัวร์ ตัวบุคคลที่จะเข้ามากุมบังเหียนและผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ตัวแปรอื่นๆซึ่งจะทำให้การสืบทอดอำนาจสมบูรณ์แบบไร้รอยต่อนั้น ยังต้องมีอีกหลายกระบวนการ
สูตรการเมืองแปลกๆจึงถูกจุดขึ้นมาสารพัด อาจมีความเป็นได้หากคิดแค่เรื่องทางการเมือง แต่พ.ศ.นี้มันไม่ง่ายเช่นนั้น ประชาชนคนบ้านนอกคอกหน้าไม่ได้ถูกสนตะพายจะปล่อยให้ใครมาคอยจูงจมูกได้เหมือนในอดีตอีกแล้ว ดังนั้น ประเภทที่จะอ้างเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง จึงต้องลงเอยแบบนี้ ใช้หลอกชาวบ้านไม่ได้อีกต่อไป เพราะประชาธิปไตยก็คือหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าเมื่อเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งอย่างเต็มร้อยแล้ว สูตรดังว่าเหล่านี้จะถูกงัดมาหาเสียงและใช้ดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม สร้างความไม่แน่ใจให้กับผู้สนับสนุน ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงจุดนั้นยังมีเวลาที่สถานการณ์จะพลิกผัน คนที่ถูกยกยอว่าคือผู้ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง บางทีอาจจะได้รับรู้รสชาติของประชาธิปไตยที่ตัวเองไม่คิดจะสร้างหรือต้องการทำลายก็เป็นได้