“ประเดช” ส่ง SUPER ใกล้ฝั่ง

แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่มีประเด็นให้ผู้คนในแวดวงต้องหยิบยกไปพูดถึงอยู่สม่ำเสมอ สำหรับ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ซึ่งเร็ววันนี้จะมีการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยยังจะใช้ตัวย่อที่ตรึงใจผู้คนคือ “SUPER” อยู่เหมือนเดิม

หลากประเด็นหลายเรื่องราวสำหรับหุ้นพลังงานทดแทนตัวนี้ มีทั้งสตอรี่การเติบโต ซึ่งหมายถึงการขยายการผลิตและจ่ายไฟเข้าระบบทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสตอรี่การจัดตั้งกองทุนอินฟราฯ ก็ถือเป็นวิธีการบุ๊คกำไรแบบรวบรัดตัดตอน ไม่ต้องไปเสียเวลาเก็บเล็กผสมน้อย ตั้งหน้าตั้งตาขายไฟเป็น 10 ปีกว่าจะคุ้มทุน

แต่ก็แน่นอนว่า อีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกชาวบ้านนำไปเม้าท์กันให้แซ่ดจนลั่นตลาดอยู่เป็นวรรคเป็นเวร คงหนีไม่พ้นสตอรี่เกี่ยวกับการซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น ของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งค่าย SUPER คือ “จอมทรัพย์ โลจายะ” และ “ประเดช กิตติอิสรานนท์”

ล่าสุด ปรากฏใน “แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์” ของทางสำนักงานก.ล.ต. พบว่านายประเดชขายหุ้นให้นายจอมทรัพย์อีกกว่า 380 ล้านหุ้น หรือราว 1.39% เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายประเดชคงเหลือถือหุ้น SUPER หลังทำรายการอยู่ 9.58% ขณะที่นายจอมทรัพย์มีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้นเป็น 10%

ด้านนายจอมทรัพย์เองก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วยว่า นอกจากการซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่มเติมมาจากนายประเดชแล้ว ก่อนหน้านี้ยังได้เก็บจากในกระดานมาอีกเกือบ 190 ล้านหุ้น แถมยังโปรยข้อมูลไว้ให้บรรดาเม่าน้อยใหญ่ได้อิจฉากันเล่น ๆ ด้วยว่า ต้นทุนที่ไล่ซื้อเข้ามาเฉลี่ยอยู่แถว ๆ 80 สตางค์เท่านั้นเอง!

ขณะเดียวกัน นายจอมทรัพย์พูดถึงต้นทุนที่ซื้อบิ๊กล็อตมาจากนายประเดชที่ 1.15 บาทต่อหุ้น (สูงกว่าราคาปิดที่ 1.13 บาท) ว่า ถือเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับบริษัทที่มีสัมปทานเหลืออยู่อีก 23 ปี!

…แต่ขอย้ำว่าเป็นการพูดในหมวกผู้ถือหุ้น ไม่ใช่ในหมวกผู้บริหาร ประเดี๋ยวใครจะหาว่าพูดชี้นำราคาเอาได้!

ก็แน่นอน ถือว่าเป็นไปตามสูตรเมื่อมีชื่อนายประเดชเป็นผู้ขายหุ้น จากก่อนหน้านี้มีเพียงเสียงร่ำลือ มาคราวนี้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขายจริง ก็ย่อมเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ตามระเบียบ เพราะใครก็รู้ว่าคู่หู “จอมทรัพย์-ประเดช” ซี้ย่ำปึ้กแค่ไหน แต่เหตุใดจึงมีการขายหุ้น ?

ซึ่งก่อนที่เสียงนินทาระเบ็งเซ็งแซ่จะทำให้ใครต่อใครเตลิดเปิดเปิง คิดอะไรกันไปต่าง ๆ นา ๆ นายจอมทรัพย์ก็ออกมายืนยันอย่างทันควันและหนักแน่นว่า “ไม่มีปัญหาอะไรกับนายประเดช” พร้อมกำชับด้วยว่า ไม่มีปัจจัยลบใด ๆ เข้ามากระทบพื้นฐาน SUPER อย่างแน่นอน เชื่อได้เพราะตนก็ยังซื้อหุ้นเพิ่มอยู่

นอกจากนี้ นายจอมทรัพย์กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ส่วนตัวยังมีเงินสดเหลืออยู่อีก 2 พันกว่าล้านบาท และอยากจะซื้อหุ้น SUPER เพิ่มอีกประมาณ 10% แต่ยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า 10% ที่ว่านี้เป็นส่วนของนายประเดชที่ยังเหลืออยู่หรือไม่ และก็แน่นอนว่านอกจากตัวนายจอมทรัพย์ก็คงจะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า 2 พันกว่าล้านบาทที่บอกว่าเตรียมไว้ซื้อหุ้นนั้นคือ 2 พันเท่าไหร่แบบเป๊ะ ๆ เพราะคงมีผลต่อการต่อรองราคาซื้อขายในอนาคต หรืออาจเป็นการแบไต๋จนเกินไปก็เป็นได้

หลายคนทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า นายประเดชมีส่วนในการทำให้ SUPER เป็น SUPER เช่นทุกวันนี้ แม้จะไม่มีชื่อเป็นผู้ร่วมบริหาร แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นผู้มีคุณูปการต่อบริษัทฯในแง่ของเงินทุน รวมถึงเส้นสายระดับ “ซุปเปอร์คอนเนคชั่น” และประการอื่น ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ฉะนั้น การขายหุ้นของนายประเดชครั้งนี้ รวมถึงครั้งที่ผ่าน ๆ มา (หากว่ามี) คงไม่มีนัยสำคัญที่ผิดปกติใด ๆ หากแต่เป็นไปตามวิถีทางของนักลงทุน เมื่อได้รับผลกำไรตามสมควรหรือเป็นไปตามเป้าแล้ว ย่อมต้องหาแหล่งกำไรแห่งใหม่ เป็นธรรมดา

จากนี้คงต้องรอดูว่าแหล่งกำไรแห่งใหม่ของนายประเดชที่ว่านี้ จะมีรูปและรสที่เย้ายวนชวนให้ฝันเพียงใด เพราะถึงขั้นยอมปล่อย SUPER ซึ่งเคลื่อนเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้นทุกที (แต่ยังพอเหลือพื้นที่ให้แสวงหาประโยชน์ได้) ไปเช่นนี้ พอจะตีความได้หรือไม่ว่า แหล่งใหม่นั้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่หอมหวนให้กับนายประเดชได้มากกว่า

เรื่องราวเกี่ยวกับคู่หูต่างวัยอย่าง “ประเดช-จอมทรัพย์” คงยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ต้องอย่าลืมว่า ฝั่งหนึ่งยังมีหุ้นเหลือให้ขาย พร้อมกับอีกฝั่งหนึ่งก็ยังอยากซื้อหุ้นเพิ่มอยู่

แต่ที่แน่ ๆ ต้องจับตาคู่หูต่างวัย รุ่นที่ 3 อย่าง “ประเดช-ณพ” ชนิดตาอย่าให้กะพริบ เพราะเร็ว ๆ นี้คงมีสตอรี่ระดับสะเทือนวงการออกมาให้ได้ยลโฉมกันอย่างแน่นอน…

ป.ล. คู่หูต่างวัย รุ่นที่ 1 คือ “ประเดช-นพพร” รุ่นที่ 2 คือ “ประเดช-จอมทรัพย์” และรุ่นที่ 3 คือ “ประเดช-ณพ”

อิ อิ อิ