ข่าวดีหุ้นแบงก์
วานนี้มีข่าวดีเข้ามาชุบชีวิตหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่ นั่นคือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็น 'F2' จาก 'F3' และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ 'BBB'
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
วานนี้มีข่าวดีเข้ามาชุบชีวิตหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่
นั่นคือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เป็น ‘F2’ จาก ‘F3’
และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB’
และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ โดยธนาคารมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ส่งผลให้ราคาหุ้น KTB ปิดวานนี้บวกขึ้น 0.30 บาท มาที่ 18.50 บาท เปลี่ยนแปลง 1.65%
เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้น KTB เพิ่งจะลงไปทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน คือปิดที่ 18.00 บาท
เดิมนั้นก็คือว่าราคาจะหลุด 18.00 บาท มาแถว 17.80 บาท ที่เป็นแนวรับสำคัญ และเป็นจุดตัดขาดทุน และทำให้ทิศทางการลงทุนในหุ้น KTB ในวันนี้ มีการแนะนำซื้อ และให้แนวต้านไว้ 18.60 บาท
นักวิเคราะห์มองว่า หุ้นกรุงไทยมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนระยะสั้น
ทว่ายังคงต้องจับตาเกี่ยวกับการตั้งสำรองฯตามมาตรฐานบัญชีใหม่ หรือ IFRS9 ที่จะเริ่มมีผลจริงจังในช่วงต้นปี 2562
แต่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของกรุงไทย “ผยง ศรีวณิช” ออกมายืนว่า ในส่วนของ Coverage ratio ยังคงรักษาระดับไว้ไม่ให้ต่ำกว่า 110% จากปัจจุบันอยู่ที่ 120%
และยังดำรงเงินกองทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อผลการดำเนินงาน
หากวิเคราะห์กันตามคำกล่าวของผู้บริหารกรุงไทยแล้ว
ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจไม่ต้องตั้งสำรองฯ เพิ่มเพื่อดึงตัวเลข Coverage ratio ขึ้นมา ให้เทียบกับเท่าแบงก์พาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ
กลับมาที่เรื่องฟิทช์กันต่อ
นอกเหนือจากกรุงไทยแล้ว
ฟิทช์ฯยังได้คงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestic Systemically-Important Bank หรือ D-SIB) ที่เหลืออีก 4 แห่ง
นั่นคืออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL
ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK และธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB
ทั้ง 3 แห่งนี้ได้รับการคงอันดับที่ BBB+
และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารทั้ง 3 แห่งได้รับการคงอันดับที่ AA+(tha)
โดยทั้งหมดมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ได้รับการคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘A-‘ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ราคาหุ้น SCB และ BBL เริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกเมื่อวานนี้
โดย SCB หลังจากราคาลงไปต่ำสุดเกือบ 2 ปี สามารถดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 130 บาทได้
แต่เท่าที่ดูบทวิเคราะห์ของโบรกฯ ต่างๆ ส่วนใหญ่ ยังคงแนะนำ “ถือ” เพราะต้องรอดูผลกระทบผลประกอบการไตรมาส 2/2560 จากการยกเลิกค่าฟี
ส่วน BBL ที่แม้จะเป็นแบงก์ที่มีเงินกองทุนแกร่งสุด
แต่ที่ผ่านมาราคาหุ้นกลับร่วงติดร่างแหไปกับเขาด้วย
ส่วนวานนี้ราคาหุ้นดีดกลับมาได้เช่นกัน บวกกว่า 2.00 บาท มาที่ 195 บาท ยังไม่ผ่าน 200 บาท หลังจากหลุดระดับดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่หุ้น KBANK วานนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
มีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีการปรับลดลงนั้น
ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนต่างชาติ “ปรับพอร์ต” และขายหุ้นในกลุ่มธนาคารออกมา
โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ต่างชาตินิยมเข้ามาลงทุนคือ KBANK และ BBL
หากดูตามรูปการณ์นี้แล้ว หากต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาซื้อ ก็ยากที่หุ้นกลุ่มธนาคารจะฟื้นขึ้นมาได้ เว้นแต่ กองทุนต่างๆ จะเข้ามาเก็บและลงทุนแบบยาวๆ หรือไม่
หุ้นธนาคารคงรออีกพักใหญ่ๆ กว่าจะฟื้น