พาราสาวะถี
ประเด็นเรื่องดูดนักการเมืองเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดผ่านรายการของคสช.เมื่อวันศุกร์ ยังถือเป็นของร้อนที่มีเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ล่าสุดท่านผู้นำจะออกมายืนยันว่าไม่ได้ประสงค์จะให้เป็นอย่างเช่นที่พูด แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องน้อมรับเสียงสะท้อนที่ย้อนกลับมา โดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ที่มีอดีตส.ส.อยู่ในข่ายถูกดูดอีกเพียบ
อรชุน
ประเด็นเรื่องดูดนักการเมืองเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดผ่านรายการของคสช.เมื่อวันศุกร์ ยังถือเป็นของร้อนที่มีเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ล่าสุดท่านผู้นำจะออกมายืนยันว่าไม่ได้ประสงค์จะให้เป็นอย่างเช่นที่พูด แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องน้อมรับเสียงสะท้อนที่ย้อนกลับมา โดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ที่มีอดีตส.ส.อยู่ในข่ายถูกดูดอีกเพียบ
ฝั่งประชาธิปัตย์ องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ยืนยันการดูดส.ส.ของคนในรัฐบาลที่กำลังทำอยู่ขณะนี้มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ตอบแทน เพื่อหวังให้คนเหล่านี้มาอยู่กับพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นในการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ให้มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน ถึงแม้คนในรัฐบาลจะไม่ไปสมัครส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่การใช้สถานะของความเป็นรัฐมนตรีดูดอดีตส.ส. เพื่อให้มาลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหนุนหัวหน้าคสช.เป็นนายกฯต่อไปอีกสมัย ก็เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่บิ๊กตู่ประกาศมาตลอด 4 ปี อยากเห็นการเมืองแบบใหม่ที่มีธรรมาภิบาล เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่สิ่งที่ทำกันอยู่เวลานี้ ไม่ใช่การเมืองแบบใหม่อย่างที่ได้กล่าวไว้แน่นอน
ไม่ต่างจากที่ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เห็นว่า การรับสภาพไม่มีทางเลือก ต้องดูดอดีตส.ส.พรรคอื่นของผู้มีอำนาจนั้น แปลว่าการปฏิรูปไม่มีอะไรก้าวหน้า หรือเหตุผลที่ใช้ยึดอำนาจเป็นเพียงข้ออ้างที่จะเข้าสู่อำนาจโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง มิหนำซ้ำ เข้ามาแล้วก็ทำทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดอำนาจให้นานที่สุด
แน่นอนว่า ด้วยความที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คสช.มีเครื่องมือ มีองคาพยพ มีงบประมาณ ทำได้ทุกอย่าง ไม่เคยกลัวใคร แต่กลับกลัวอย่างเดียวคือการเลือกตั้ง ไม่ว่าข้ออ้างของผู้นำเผด็จการจะมีเสียงวิจารณ์หนักหน่วงอย่างไร แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ไหน ๆ ก็จะดูดแล้ว ทำไมจึงไม่เลือกใช้บริการนักการเมืองคุณภาพ แต่กลับไปเลือกจิ้มนักการเมืองที่เมื่อเห็นชื่อเสียงเรียงนามก็รู้อยู่แล้วว่า คนเหล่านี้มีปูมหลังอย่างไร และต้องยอมศิโรราบกับทุกอำนาจ ทุกครั้งไป
ความจริงท่านผู้นำก็ควรจะต้องตอบคำถามของประชาชนตั้งแต่แรกแล้วว่า คนดีที่ท่านพล่ามบอกนั้น มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง และคำถามหนึ่งที่ควรจะอธิบายให้คนที่สงสัยได้รู้คือ นักการเมืองที่สนับสนุนท่านสุดลิ่มทิ่มประตูอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นคนดีที่คนสมควรเลือกหรือเป็นแบบอย่างของคนดีที่ท่านต้องการใช่หรือไม่
ในเมื่อคำว่าความดีและคนดีเป็นนามธรรม หากไปถามใครย่อมจะมีคำตอบว่าตัวเองเป็นคนดีทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเผด็จการผู้เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นคนดี คนเก่ง ชนิดที่ไม่มีใครมาเทียบเคียงได้แล้ว ก็ควรจะต้องออกเป็นบัญญัติของคนดีเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นคู่มือในการเลือกคนเข้าไปช่วยท่านบริหารประเทศ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า ความจริงแล้วรัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรที่จะยกเลิกการแต่งตั้งส.ว.ไปเสีย เพราะการมีส.ว.ลากตั้งถึง 250 คนนั้น ถือเป็นการตัดคนดีออกจากสารบบเลือกตั้งไปจำนวนมาก หรือเป็นเพราะว่าช่วงที่ยกร่างกันนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ท่านจะสืบทอดอำนาจหรือตั้งพรรคการเมือง แต่ก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากทุกอย่างที่เห็นและเป็นไป ล้วนแต่ผ่านกระบวนการคิดและวางแผนกันมาอย่างดีหมดแล้ว
ความจริงหากไม่มีส.ว.ลากตั้ง จะมีคนอีกอย่างน้อย 250 คนที่คสช.รับรองแล้วว่าเป็นคนดี เป็นไปสมาชิกพรรคทหารที่จะจัดตั้งขึ้น ซึ่งนั่นเท่ากับว่าประชาชนจะมีตัวเลือกคนดี คนเก่งและเป็นคนใหม่ทันที ไม่ต้องถูกด่าว่าเป็นตัวดูด ไม่ต้องมีข้อครหาเรื่องคนที่เลือกจิ้มเป็นคนคุณภาพหรือมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือไม่ น่าเสียดายจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากปรากฏการณ์ดูดแล้ว ยังมีเรื่องแรงกดดันอันเนื่องมาจากอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่จะทำให้นักการเมืองในสังกัดพรรคใหญ่ต้องอยู่ยาก อย่างที่ ซูการ์โน มะทา จากกลุ่มวาดะห์ที่ต้องผันตัวเองไปตั้งพรรคประชาชาติ ที่ได้ออกมาบอกว่า กลุ่มวาดะห์ถูกกดดันก่อนใครเพื่อน เนื่องจากมีการนำจุดตรวจจุดสกัดมาตั้งหน้าบ้าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา และ อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ สองแกนนำคนสำคัญของพรรค
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้กลุ่มวาดะห์ต้องถอนตัวจากเพื่อไทยแล้วไปตั้งพรรคใหม่ จุดใหญ่ใจความเหมือนที่เคยบอกไปก่อนหน้า เพราะจุดยืนของคนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่เอาพรรคทักษิณ ไม่เลือกประชาธิปัตย์และไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการด้วยเช่นเดียวกัน ผลจากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องพิสูจน์ที่สำคัญ
สำหรับกระบวนการขับเคลื่อนการเมืองของกลุ่มวาดะห์ภายใต้พรรคประชาชาติจะได้รับการตอบสนองมากน้อยขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับท่าทีที่มีต่อนายใหญ่ สิ่งที่จะแสดงให้คนในพื้นที่เห็นว่า เป็นที่พึ่งที่หวัง เป็นตัวของตัวเองได้มาน้อยขนาดไหน ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่า แม้จะตั้งพรรคแล้ว ถ้ามองไปยังเรื่องของทุนทางการเมือง ไม่ต้องบอกก็เชื่อแน่ว่าคอการเมืองส่วนใหญ่ต่างรู้กันดีว่ามาจากไหน
ส่วนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มาถึงนาทีนี้นักการเมืองจำนวนไม่น้อย ยังไม่เชื่อมั่นว่า กระบวนการต่างๆ จะเป็นไปอย่างโปร่งใส ราบรื่น เหตุจากที่วันนี้ยังไม่ปลดล็อกให้ทำกิจกรรม และดองการบังคับใช้กฎหมายพรรคการเมือง จึงเกิดอาการหวั่น ๆ กันว่า ถึงเวลานั้นจริงก็ไม่รู้ว่าผู้มีอำนาจจะเล่นแร่แปรธาตุอะไรที่จะบั่นทอนพลังของพรรคการเมืองคู่แข่ง เพื่อให้พรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนได้เปรียบทุกประตู ดูท่าทีของท่านผู้นำเวลานี้ก็พอจะอ่านกันออกว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่