รัก CKP น้อย ๆ แต่รักนาน ๆ
กำลังจะขึ้นชั้นเป็นหุ้นไฟฟ้าแถวหน้าอย่างเป็นทางการ สำหรับ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ของ “เจ้าสัว” ปลิว ตรีวิศวเวทย์ โดยมีลูกชาย ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ หรือ “ปอง” ซึ่งเคยฝากผลงานในการพัฒนาโครงการไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ สปป.ลาว มาแล้ว ผงาดขึ้นเป็นหัวแรงใหญ่ในฐานะกรรมการผู้จัดการที่มีภาระยังต้องสานต่ออีกมากโข
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
กำลังจะขึ้นชั้นเป็นหุ้นไฟฟ้าแถวหน้าอย่างเป็นทางการ สำหรับ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ของ “เจ้าสัว” ปลิว ตรีวิศวเวทย์ โดยมีลูกชาย ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ หรือ “ปอง” ซึ่งเคยฝากผลงานในการพัฒนาโครงการไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ สปป.ลาว มาแล้ว ผงาดขึ้นเป็นหัวแรงใหญ่ในฐานะกรรมการผู้จัดการที่มีภาระยังต้องสานต่ออีกมากโข
ล่าสุด บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรให้ CKP ที่ระดับ “A” แม้ไม่ใช่อันดับสูงสุด แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าพอใจ เพราะเป็นการสะท้อนถึงประวัติผลงานของบริษัทในการพัฒนา และดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งแน่นอน นั่นหมายถึงเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานมั่นคง มีความสามารถในการสร้างรายได้อยู่ในระดับสูงด้วย
โดยนิยามของสัญลักษณ์ “A” ที่ว่านี้ คือ องค์กรหรือตราสารหนี้มีความเสี่ยงในระดับต่ำ ผู้ออกตราสารหนี้มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูง แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ มากกว่าอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงกว่า
ปัจจุบัน CKP มีโครงการโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารจัดการและร่วมรับรู้รายได้ จำนวน 6 แห่ง แบ่งเป็น “พลังน้ำ” 1 โครงการ ขนาด 615 MW ถือหุ้นอยู่ราว 42% “พลังความร้อนร่วม (โคเจนฯ)” 2 โครงการ ขนาดรวม 238 MW ถือหุ้น 65% และ “พลังแสงอาทิตย์” 3 โครงการ ถือหุ้น 100% ในโรงขนาด 8 MW 1 แห่ง และ 30% ในโรงขนาด 8 MW และ 6 MW อีก 2 แห่ง
แน่นอน นั่นยังไม่รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังน้ำอีก 1 แห่ง ก็คือ “โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี” ขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ซึ่งด้วยตัวเลขดังกล่าวก็ถือเป็นความชัดเจนว่า “ไซยะบุรี” คือ Flagship Project ชนิดแบเบอร์มาอย่างไม่ต้องสงสัย…
เช่นเดียวกัน การจัดอันดับเครดิตฯครั้งนี้ “ทริสเรทติ้ง” ให้น้ำหนักต่อโครงการนี้มากเป็นพิเศษ โดยระบุว่า เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว ขณะที่ความคืบหน้าการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 90% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความมั่นใจด้วยว่าประสบการณ์ของ CKP ทริสฯก็เชื่อว่า โครงการจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ตามแผน และผ่านช่วงก่อสร้างที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้ว
โครงการนี้มีกำหนดวันเริ่มซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “ซีโอดี” ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 โดยจะเริ่มทดสอบเดินเครื่อง “กังหันน้ำ” ตัวแรกในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งก็ถือเป็นการเริ่มปั่นไฟได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะจากเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (2562)
ขณะเดียวกัน ทริสฯประเมินในส่วนของรายได้จากการขายไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือที่คุ้นหูว่า “อีบิทด้า” ราว 1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจุบัน CKP ถือหุ้นอยู่ใน “โครงการไซยะบุรี” สัดส่วน 37.5%
นั่นจึงเท่ากับว่าจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการนี้ประมาณ 1-1.5 พันล้านบาทต่อปี หลังเริ่มดำเนินงานและบันทึกตัวเลขได้เต็มปีแล้ว!
คงไม่ต้องพูดกันให้ยืดเยื้ออีกต่อไปเท่าไหร่นัก ที่ว่าให้รัก CKP น้อย ๆ แต่ขอให้รักนาน ๆ นั้น เพียงอยากให้ลองคิดตามอีกเพียงหน่อยเดียว ก็คงจะได้คำตอบอย่างไม่ลำบากยากเย็นมากนัก
หากนำส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ จำนวน 1-1.5 พันล้านบาท มาหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด คือ 7.37 พันล้านหุ้น นั่นเท่ากับกำไรต่อหุ้น หรือ “อีพีเอส” จะอยู่ที่ราว 0.14-0.20 บาท ซึ่งถือเป็นส่วนเพิ่มเติมจากล่าสุด เคยรายงานตัวเลขดังกล่าวออกมา ณ สิ้นงวดปี 2560 อยู่ที่ 0.02 บาท โดยหากนำตัวเลขทั้ง 2 มารวมกัน ก็จะได้ “อีพีเอส” เท่ากับ 0.16-0.22 บาท ในปี 2563 ซึ่งจะเป็นปีแรกที่มีการบันทึกหรือรับรู้รายได้ ได้เต็มปีเป็นปีแรก
แต่ขอย้ำไว้ตรงนี้ว่า การใช้ตัวเลขกำไรต่อหุ้นของปี 2560 มาเป็นฐานเพื่อบวกกับส่วนเพิ่มเติมจาก “โครงการไซยะบุรี” อาจถือเป็นการประเมินแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินเท่านั้น เพราะที่ระดับ 0.02 บาท ต้องบอกว่ามีเรื่องของการลงทุน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และการที่ยังไม่สามารถบันทึกรายได้จากบางโครงการได้ทันแบบเต็มปี
ฉะนั้น เมื่อได้ตัวเลข “อีพีเอส” มาแล้ว ใครจะนำไปคูณกับ “ค่าพี/อี” ที่ระดับใด เพื่อทำการประเมินราคาหุ้น CKP ก็สุดแล้วแต่จะปรารถนา
ขณะที่ปัจจุบัน ตัวเลขยังถือว่าสูงปรี๊ดเพราะอยู่ที่กว่า 180 เท่า แต่หากประเมินอัตราการเติบโตในอีกเพียง 2 ปีครึ่ง จากที่เคยมีกำไร 0.02 บาทต่อหุ้น กลายไปเป็น 0.16-0.22 บาท แล้วจะถือว่า พี/อี ที่ระดับใดถึงเป็นตัวชี้วัดได้ว่า หุ้น CKP นั้นถูกหรือว่าแพง
ที่แน่ ๆ “เอ็มดีปอง” ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ น่าจะรู้คำตอบนี้ดีที่สุด ส่วน “เจ้าสัวปลิว” ก็คงจะเป็นผู้ที่มีความสุขชนิดแก้มหุบไม่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะงานนี้บอกได้เลยว่ามีแต่รอแล้วก็รอ…รอเงินเข้ากระเป๋าแบบจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ต้นยันท้าย
อิ อิ อิ