พาราสาวะถี
บรรยากาศการประชุมครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ประทับใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขนาดไหนคงไม่ต้องบอก เรื่องระดมพลเกณฑ์คนคืองานถนัดของ เนวิน ชิดชอบ หลัก 3 หมื่นคนแค่จิ๊บ ๆ แต่ภาพที่เห็นอย่างรีบฝันหวานไปถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า จะสามารถกวาดคะแนนเสียงได้ถล่มทลาย เพราะแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนถูกเกณฑ์และฐานเสียงทางการเมือง คนละเรื่องกัน
อรชุน
บรรยากาศการประชุมครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ประทับใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขนาดไหนคงไม่ต้องบอก เรื่องระดมพลเกณฑ์คนคืองานถนัดของ เนวิน ชิดชอบ หลัก 3 หมื่นคนแค่จิ๊บ ๆ แต่ภาพที่เห็นอย่างรีบฝันหวานไปถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า จะสามารถกวาดคะแนนเสียงได้ถล่มทลาย เพราะแฟนบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนถูกเกณฑ์และฐานเสียงทางการเมือง คนละเรื่องกัน
บทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นดัชนีชี้วัดและเป็นคำอธิบายของคำพูดที่ว่า “เสียงดีไม่มีคะแนน” ได้อย่างชัดเจนที่สุด ภาพที่เห็นทั้งเนวินและ อนุทิน ชาญวีรกูล ร่วมกันต้อนรับท่านผู้นำถือเป็นการกระทำตามมารยาท และหวังผลทางการเมืองแน่นอน ส่วนโอกาสที่จะร่วมมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ยังเป็นหนทางอีกยาวไกล นักการเมืองอาชีพ มักจะไม่ตกลงอะไรกันไว้ล่วงหน้านานๆ
ต้องดูเหตุและปัจจัยอื่นประกอบด้วย รายของเสี่ยหนูแต่งเนื้อแต่งตัวไม่ให้มีบาดแผลไปจนเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ราศีที่จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลนั้นเด่นชัด ส่วนจะจบที่เก้าอี้ไหนนั่นต้องจับตามอง ขณะที่เสี่ยห้อยเมื่อสร้างภาพเดินมาสายกีฬาแล้ว ก็ต้องเลือกแนวทางนั้น แต่เบื้องหลังอย่างที่รู้กัน ขนาดแสดงพลังกุมกระทรวงเกรดเอได้ทั้งหมดในยุครัฐบาลเทพประทาน นั่นเป็นเครื่องหมายการันตีคนอย่างยี้ห้อยไม่ธรรมดา
แต่ระหว่างที่สรวลเสเฮฮา วางแผนดูดและตั้งพรรคการเมืองเป็นของตัวเอง ก็มีเหตุให้ต้องขุ่นข้องหมองใจ เมื่อมีเสียงแว่วมาจากสิงคโปร์ ทักษิณ ชินวัตร เตือนดังๆดูดกันเพลินระวังจะเจอพวกสีเทา พร้อมคุยฟุ้งเพื่อไทยยังไงก็กำชัยชนะถล่มทลาย ได้คะแนนเสียงมาแบบแลนด์สไลด์ เปิดหน้าขนาดนี้หนีไม่พ้นถูกถล่มจากพวกหมั่นไส้และคนไม่เอาระบอบทักษิณเป็นเรื่องธรรมดา
ก็พอจะเข้าใจ คนอย่างนายใหญ่ผ่านการเมืองมาหลากหลายรูปแบบ และได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการเมืองมากับคนทุกประเภท พวกสีเทาในความหมายจึงน่าขีดเส้นใต้เป็นอย่างยิ่ง ต้องไม่ลืมว่า ภาพอันเข้มแข็งของบิ๊กตู่และคณะคือ รัฐนาวาคนดี คณะเผด็จการผู้ซื่อสัตย์ แต่พอจะกระโจนเข้าสู่สนามการเมือง กลับเลือกที่จะเกลือกกลั้วกับพวกมีเบื้องหลังและภาพไม่ชัดเจน ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง
ความหวาดระแวงและเริ่มที่จะเข้าใจว่าเสียงของประชาชนมีความหมายนั้น สะท้อนภาพให้เห็นได้จากการส่ง สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ พกเอาคำตอบไปบอกกับเครือข่ายประชาชนผู้ต่อต้านการสร้างบ้านพักป่าแหว่งของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ต้องรอให้คนเสนอว่าควรจะทำอย่างไร ท่านผู้นำรีบสรุปไว้ก่อนเลยว่า ต้องคืนพื้นที่ป่าเท่านั้นจึงจะเป็นที่พอใจของชาวบ้าน
สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนที่สุวพันธุ์จะลงไปในพื้นที่มือกฎหมายอย่าง วิษณุ เครืองาม และมือความมั่นคงซึ่งหาข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่ายปฏิปักษ์รัฐบาลทั้งประเทศอย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างให้สัมภาษณ์ความเห็นตรงกันว่า กลุ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ไม่ได้มุ่งหวังนำไปสู่ความขัดแย้งและไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทั้งๆที่มีบางพวกบางกลุ่มมุ่งเล่นเกมน้ำเน่าคือสาดโคลนให้เป็นเรื่องการเมืองโดยมีตัวละครเดิมๆถูกพาดพิงเป็นพวกยุยง
ทั้งๆที่รู้กันอยู่ว่าเครือข่ายที่เคลื่อนไหวนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกันใดๆกับฝ่ายการเมือง แน่นอนว่า เรื่องนี้บิ๊กตู่เองก็รู้อยู่แก่ใจ เราจึงได้เห็นท่าทีที่แตกต่างเมื่อกล่าวถึงกลุ่มคนค้านบ้านพักป่าแหว่งกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยกลุ่มแรกท่านผู้นำเต็มไปด้วยความประนีประนอมและพูดถึงด้วยทำนองที่เกรงใจ กลัวว่าจะกระทบกับความรู้สึก
แต่กับกลุ่มอยากเลือกตั้ง มีการพาดพิงไปถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ถูกเหล่ว่าน่าจะเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ทว่ากระบวนการจัดการก็เป็นไปด้วยความระมัดระวัง เพราะฝ่ายกุมอำนาจเองก็ไม่อยากจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าน้ำผึ้งหยดเดียว ดังนั้น เราจึงได้ยินการประกาศย้ำแล้วย้ำอีก ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย ดำเนินการกันตามกติกา
ด้วยเหตุนี้จึงมีคู่มือปฏิบัติในการดูแลผู้ชุมนุม ดูเหมือนจะเป็นความรอบคอบและยึดหลักสากล แต่ถ้ามองอย่างลึกซึ้งแล้ว นี่เป็นการสร้างกลไกเพื่อทำให้สังคมเห็นว่า ฝ่ายกุมอำนาจนั้นได้กระทำทุกอย่างตามขั้นตอน หากปลายทางจะต้องมีการปะทะหรือมีเหตุรุนแรงอย่างหนึ่งอย่างใด หมายความว่า ฝ่ายเคลื่อนไหวได้ละเมิดกติกาที่วางไว้และระบุชัดในคู่มือนั่นเอง
ขณะที่อีกด้านก็ถือเป็นการซักซ้อมมาตรการปกติ สำหรับคนที่จะสืบทอดอำนาจ เพราะหลังการเลือกตั้งหากไม่หอบเอามาตรา 44 ไปใช้ต่อหรือใช้อภินิหารทางกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลที่เป็นคนหน้าเดิมมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไว้จัดการ แก้ปัญหาเหมือนรัฐบาลเผด็จการ ปัญหาต่างๆที่จะต้องเผชิญจะหนักหน่วงขึ้น และการเคลื่อนไหวก็จะเข้มข้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีเครื่องมือที่อ้างอิงกับหลักสากลมาเป็นเกราะป้องกัน ปลายทางแห่งอำนาจที่จะถอดคราบเผด็จการจำแลงเป็นนักการเมืองภายใต้ครรลองของประชาธิปไตย(ทั้งๆที่กติกาก็คลอดมาจากปลายกระบอกปืนและถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย)ต้องทำให้ดูสง่างาม ไร้ตำหนิ เพราะเป้าหมายแม้ว่าจะสืบทอดอำนาจสำเร็จ แต่ต้องเป็นที่ยอมรับทั้งของคนในชาติและนานาอารยะประเทศด้วย
คำขู่ของหัวหน้าคสช.ที่ตามมาด้วยการรับลูกของกกต. กรณีแกนนำและอดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทยบินไปพบทักษิณและ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงเมืองลอดช่อง ต้องติดตามกันต่อว่าจะมีผลในทางปฏิบัติกันมาน้อยแค่ไหน คำถามที่ตามมาจะใช้เหตุผลหรือข้อกฎหมายใดในการที่จะดำเนินการเอาผิดคนเหล่านั้น ยิ่งหากจะต้องยุบพรรคจริงต้องมีหลักฐานที่แน่นหนา
ปุจฉาคือจะใช้อะไรเป็นหลักฐาน หรือจะใช้การตีความตามที่ถนัด พฤติกรรมที่เห็นและสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวถือว่าหนักแน่นและเข้าข่ายการกระทำผิดชัดเจน ซึ่งก็มีบางคนมาสะกิดอย่าคิดว่าจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เพราะถึงขนาดเคยเปิดพจนานุกรมชี้เป็นชี้ตายอดีตผู้นำประเทศมาแล้ว คนดีเหล่านั้นจะมาอินังขังขอบอะไรก็แค่เรื่องพยาน หลักฐาน เออ!มันก็ใช่ คำว่าไทยแลนด์ โอนลี่ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนจริง ๆ