ไทยไม่มี ‘มหาเธร์’
คนไทยทั้งเซอร์ไพรส์และดีใจกับชัยชนะล็อกถล่มของพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ที่มหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ขวบ หวนกลับมาเป็นผู้นำ “แนวร่วมแห่งความหวัง” โค่นนาจิบ ราซัค ผู้อื้อฉาวเรื่องคอร์รัปชันล้มยักษ์พรรคอัมโนที่ครองอำนาจมายาวนาน 61 ปี ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลเอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง (แต่ยังโง่มาก ไม่รู้จักตั้งวุฒิสมาชิกมาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ)
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
คนไทยทั้งเซอร์ไพรส์และดีใจกับชัยชนะล็อกถล่มของพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ที่มหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ขวบ หวนกลับมาเป็นผู้นำ “แนวร่วมแห่งความหวัง” โค่นนาจิบ ราซัค ผู้อื้อฉาวเรื่องคอร์รัปชันล้มยักษ์พรรคอัมโนที่ครองอำนาจมายาวนาน 61 ปี ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลเอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง (แต่ยังโง่มาก ไม่รู้จักตั้งวุฒิสมาชิกมาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ)
โดยมหาเธร์นี่แหละ คือผู้นำที่ครองอำนาจนานที่สุดของพรรคอัมโน 22 ปีตั้งแต่ปี 1981-2003 มีคะแนนนิยมสูงมาก แต่ก็ใช้อำนาจแบบเผด็จการ ปิดกั้นเสรีภาพ จับกุมคุมขังฝ่ายค้าน ตั้งข้อหาอันวาร์ อิบราฮิม ร่วมเพศทางทวารหนัก จนติดตะรางเกือบ 20 ปี แต่กลับมาจับมือกันได้ โดยสัญญาว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษและยกเก้าอี้ให้ใน 2 ปี
ชัยชนะของมหาเธร์จึงย้อนแย้ง แล้วแต่จะมองมุมไหน พวกไม่ศรัทธาประชาธิปไตยก็อาจท่องคำพระ ว่านี่แหละการเมือง อำนาจและผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร อยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ที่ไม่มาจากการเลือกตั้งกันต่อไปดีกว่า
แต่อะไรก็ไม่น่าขันเท่าพวกบอยคอตต์เลือกตั้ง ขัดขวางเลือกตั้ง ยังเผลอดีใจกับเขาไปด้วย ว่านี่เป็นการเลือกตั้งปราบโกง ไม่รู้คิดได้ไง คงเห็นนาจิบเป็นทักษิณ เห็นพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอัมโน แต่ต่อให้เป็นจริง ทหารมาเลเซียก็ไม่เคยทำรัฐประหาร
สมมตินาจิบเป็นทักษิณ จริง ๆ นะ เมื่อปี 2549 ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมไทย อดีตผู้นำที่ประชาชนยกย่อง ก็ควรจะหวนมาลงเลือกตั้ง ไม่ใช่พากันเรียกหารัฐประหาร เราก้าวข้ามโอกาสที่จะมีมหาเธร์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ในทัศนะประชาธิปไตย ชัยชนะของฝ่ายค้านมาเลย์ แม้มีรอยด่างที่ตัวมหาเธร์ แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมาย เปิดประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ เมื่อโค่นพรรคอัมโนลงได้
นับแต่นี้ การเมืองมาเลย์น่าจะเข้าสู่ “ตลาดเสรี” ไม่มีใครผูกขาดอีกต่อไป ฝ่ายค้านซึ่งถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพมานาน ถูกกระทำด้วยอำนาจไม่เป็นธรรม น่าจะแก้ไขกฎกติกาให้แข่งขันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม มีเสรีภาพแสดงความคิดเห็นและแสดงออก ตามความต้องการของประชาชน
แม้อาจคดเคี้ยวบ้าง แต่ก็ยังเห็นอนาคตกว่าการเมืองไทย ที่เคยภาคภูมิใจว่าเป็นประชาธิปไตยกว่าใครในภูมิภาคนี้ โห เรามี 14 ตุลาก่อนฟิลิปปินส์ไล่มาร์กอส ก่อนอินโดนีเซียไล่ซูฮาร์โต ตั้งหลายสิบปี แต่ป่านฉะนี้ ยังวนเวียนกับรัฐประหารอยู่เลย รัฐประหารมาจะครบสี่ปี ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย
ร้ายกว่านั้น การเมืองไทยถึงมีเลือกตั้ง ก็ไม่มีทางโค่น “พรรคอัมโน” ได้ เพราะพรรคอัมโนของไทยใหญ่กว่า ครองอำนาจมายาวนานกว่า โดยไม่ต้องลงเลือกตั้ง นั่นคือพรรคราชการ ที่มีทหารเป็นแกนกลาง คุมอำนาจความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม ความดีงาม กระบวนการยุติธรรม แถมขยายไปสู่องค์กรต่าง ๆ ที่แปะคำว่า “อิสระ”
การเมืองไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลายก็แก้ไขโครงสร้างอำนาจไม่ได้ แค่รัฐธรรมนูญก็แก้ไม่ได้
จะมองหามหาเธร์ มาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จับมือพรรคการเมืองไม่เอาพรรคราชการ ก็มองไม่เห็น และไม่มีทางเป็นไปได้สังคมการเมืองไทยแตกแยกกันเกินกว่าจะจับมือได้ เพราะแตกแยกเรื่องเอาไม่เอาประชาธิปไตย
เทียบอย่างนี้ไม่ใช่ว่าพรรคอัมโนเลวร้ายเสียหมด อย่างน้อยพรรคอัมโนก็ก่อตั้งขึ้นด้วยอุดมการณ์ชาตินิยมมลายู ต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ แม้เป็นอนุรักษนิยมก็มุ่งลดเหลื่อมล้ำ และมีวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ แต่พรรคราชการไทยล่ะ มีอะไร