เกศรา มัญชุศรี
“พี่ตุ๊” เกศรา มัญชุศรี จะครบวาระตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ ตลท. วันที่ 31 พฤษภาคมนี้
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
“พี่ตุ๊” เกศรา มัญชุศรี จะครบวาระตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ ตลท. วันที่ 31 พฤษภาคมนี้
ส่วนคนใหม่ที่เข้ามา และรับทราบกันไปแล้ว คือ “ภากร ปีตธวัชชัย” ซึ่งปัจจุบันเป็นรองผู้จัดการ ตลท. ที่จะเข้ามาเริ่มงานแทนในวันที่ 1 มิถุนายน 2561
ก่อนหน้านี้ มีโอกาสนั่งจับเข่าคุยกับคุณเกศรา มาครับ
ประเด็นที่ผมถามมีหลายเรื่อง
เริ่มจากมุมมองของคุณเกศราเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ฯที่เพิ่งจะครบรอบ 43 ปี เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา
คำตอบที่เป็นมุมมองของคุณเกศรา บอกว่าได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก
เริ่มตั้งแต่ยุค “เคาะกระดาน” ที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งห้องค้า จนก้าวมาสู่ยุค Robot และระบบ A.I. (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และบล็อกเชน (Blockchain)
เครื่องมือใหม่ กศรา บอกว่า นเป็น วาระตำแหน่ง ๆ เหล่านี้ กำลังทำให้ตลาดหุ้นตั้งฐานใหม่
เพื่อนำไปสู่คำว่า “นิวเทคโนโลยี”
และไม่ใช่แค่เฉพาะ “เครื่องมือสื่อสาร” และ “วิธีการ” (เทรดหุ้น) เท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง
ทว่าในด้านของบุคลากรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น และรวมถึงนักลงทุนด้วยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเช่นกัน
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มี “พัฒนาการ” ไปอย่างมาก
ขนาดของหุ้นที่เข้ามาจดทะเบียนมีขนาดใหญ่ขึ้น นักลงทุนมีการพัฒนาตนเอง
นักลงทุนที่ว่านี้ หมายถึงทั้งนักลงทุนสถาบัน รายใหญ่ และรายย่อย
คุณภาพของบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ. ก็มีมากขึ้นเช่นกัน และหุ้นส่วนใหญ่เวลาราคาปรับขึ้น และลง ก็จะมี “เหตุผล” ในตัวของตัวเองอยู่
พัฒนาการต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้ตลาดตลาดหลักทรัพย์ไทย ก้าวขึ้นมาเป็นชั้นนำของภูมิภาคไปแล้ว
“ในอาเซียน ทุกคนชื่นชมตลาดหุ้นไทยอย่างมาก” คุณเกศรา กล่าวย้ำครับ
คุณเกศรา กล่าวเรื่อง T+2 ด้วยว่า ตลาดหุ้นไทยนำมาใช้เป็นประเทศแรกในภูมิภาค
และหลังจากนั้น ประเทศอื่น ๆ ค่อย ๆ เริ่มนำมาใช้บ้างเช่นกัน
ส่วนความคาดหวังต่อไป คือ อยากจะเห็นตลาดหุ้นไทยนอกจากซื้อขายกันด้วยเงินบาทแล้ว ก็ยังอยากเห็นการซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์ด้วย เพื่อให้ตลาดหุ้นของไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคอย่างแท้จริง
คุณเกศรา บอกว่า ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เก็ตแคปเติบโตเฉลี่ย 15% ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
และปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีนักลงทุนอยู่กว่า 1.5 ล้านบัญชีครับ
ตัวเลขนี้ถือว่าค่อนข้างมาก เพราะเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัว และเชื่อว่าตัวเลขของนักลงทุนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วจะมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาราว ๆ 1 แสนคน
ปัจจุบัน นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนอยู่ 44%
ที่เหลือหรือส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ
ในมุมของผู้จัดการ ตลท.คนปัจจุบัน มองว่าอยากจะเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนสถาบัน หรือ “กองทุน” ให้มากขึ้น
นั่นเพราะจะมีส่วนช่วยให้ตลาดหุ้นมีความมั่นคงแข็งแกร่งได้
“วันนี้หากดูจากบัญชีเงินฝากกว่า 90 ล้านบัญชี จะพบว่าคนที่มีเงินมากกว่า 1 ล้านบาท มีอยู่ 1.6 ล้านบัญชี ส่วนระดับ 5 แสนบาท มีอยู่ 2 ล้านบัญชี และที่เหลือจะมีเงินฝากค่อนข้างน้อยมาก ดังนั้นคนที่มีเงินฝากน้อยก็อยากให้พวกเขามีการออมเงินแบบสม่ำเสมอ เช่น 1,000–1,500 ต่อเดือน โดยผ่านกองทุน” คุณเกศรา พยายามเปรียบเทียบให้ฟัง
คุณเกศรา บอกอีกครับว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีพัฒนาการมากขึ้นมาเป็นลำดับ
เช่น การส่งงบ หรือการยื่นไอพีโอต่าง ๆ จะใช้ระบบดิจิทัลแล้ว
หากบริษัทแห่งไหนที่กำลังยื่นไอพีโอ แต่ยังอาจมีปัญหาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ หรือเรื่องเทคโนโลยี และการบริหาร
ทางตลาดหลักทรัพย์ฯก็เหมือนจะเป็นพี่เลี้ยงเข้าไปช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ ซึ่งทำเป็นคอร์สอบรม หรือเรียกมาสอนเลย
“บจ.ก็เหมือนลูกค้าของตลาดหลักทรัพย์ฯ เราพยายามทำให้ลูกค้ามองว่าทำงานกับเรานั้นสบาย และไม่อยากให้เขามองว่าเราเป็นเรกกูเรเตอร์”
ตลอดการนั่งคุยเกือบ 1 ชั่วโมง คุณเกศราดูเหมือนจะคุยเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีบ่อยมาก
คุณเกศรา บอกว่า เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก
สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องทำ คือ ต้องคาดการณ์ให้ได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นความท้าทาย และต้องมีการตั้งรับให้ดี
“เราต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้”
คุณเกศรา กล่าวทิ้งท้ายไว้ครับ