พาราสาวะถี
การจับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปวันเดียวกับที่มีการจับพุทธะอิสระ ด้านหนึ่งมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องของการยอมเสียสละของคนที่เป็นอาจารย์ซึ่งเคารพนับถือของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ เพื่อแลกกับแรงสะเทือนที่จะเกิดขึ้นต่อรัฐบาลหรือเปล่า หากมีการจับกุมแค่พระชั้นผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว แม้ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเรื่องของการกระทำผิดตามพยาน หลักฐานก็ตาม
อรชุน
การจับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปวันเดียวกับที่มีการจับพุทธะอิสระ ด้านหนึ่งมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องของการยอมเสียสละของคนที่เป็นอาจารย์ซึ่งเคารพนับถือของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ เพื่อแลกกับแรงสะเทือนที่จะเกิดขึ้นต่อรัฐบาลหรือเปล่า หากมีการจับกุมแค่พระชั้นผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว แม้ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเรื่องของการกระทำผิดตามพยาน หลักฐานก็ตาม
ต้องไม่ลืมว่าคดีของพระชั้นผู้ใหญ่นั้นเพิ่งมีการสรุปพยาน หลักฐานพร้อมแจ้งความเอาผิด ขณะที่คดีของอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยเกิดขึ้นมานานกว่า 4 ปีแล้วทำไมตำรวจถึงเพิ่งตื่นรู้แล้วมาดำเนินการ ดังนั้น ฝ่ายที่คิดว่านี่เป็นการยอมเฉือนเนื้อเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้มีอำนาจก็ย่อมไม่ผิด คิดกันได้ ส่วนผลแห่งคดีและชะตากรรมของอดีตพระทั้งหมดนั้น ถ้ายึดตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระศาสดา ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม
ขณะที่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำต่อพุทธะอิสระ จนนำมาซึ่งความไม่พอใจของแนวร่วมม็อบกปปส.ทั้งที่เป็นพิธีกรข่าวและอื่น ๆ นั้น การออกมาขอโทษแทนตำรวจพร้อมขู่ว่าห้ามทำแบบนี้อีกของทั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คงจะทำให้ลดแรงเดือดดาลลงได้ ส่วนอีกมุมนี่ก็เป็นการแสดงถึงความไม่พอใจต่อลูกศิษย์ทั้งสองรายที่เคยไปหมอบราบกราบคลานให้ สุวิทย์ ทองประเสริฐ เจิมหน้าผากมาแล้ว
ไม่รู้จะเรียกว่าขาลงหรือเป็นเพราะคนทนไม่ได้กับภาวะปากท้องที่กำลังเผชิญอยู่ ผลของแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “ขอล้าน Like สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ” ที่สำรวจความเห็นเรื่อง “ครบรอบ 4 ปี คสช.คุณยังสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้บริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่” แม้จะมีการสำรวจรอบสองผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม
รอบแรกนั้นมีผู้ร่วมแสดงความเห็นประมาณ 5.3 แสนคน ผลสำรวจส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ระบุไม่สนับสนุน ขณะที่เสียงสนับสนุนมีเพียงร้อยละ 10 ส่วนผลหนที่สองหนักกว่าเดิมคือเกินกว่าร้อยละ 90 ตอบว่า ไม่สนับสนุน ขณะที่ความเห็นสนับสนุนเป็นเพียงเลขตัวเดียว นี่ย่อมเป็นภาพสะท้อนอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นท้ายการสำรวจโดยส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นการกระทำที่ดูตลก และไม่ยอมรับความจริงกับผลสำรวจที่เกิดขึ้น เพราะผลสำรวจรอบที่ผ่านมามีผู้สนับสนุนร้อยละ 10 ขณะที่ผู้ไม่สนับสนุนมีมากถึงร้อยละ 90 ซึ่งคนเหล่านี้ยังระบุว่าต้องการให้คสช.ลาออกจากการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะบุคลิกของพลเอกประยุทธ์ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหารประเทศ
แน่นอนว่า เมื่อไปถามฝ่ายกุมอำนาจ คำตอบที่ได้ย่อมเป็นอีกเรื่องอย่างที่ สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบาย ไม่หวั่นไหวและถือเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาเคยมีผลสำรวจลักษณะดังกล่าวเผยแพร่เป็นจำนวนมาก จากหลายสำนักและหลายประเภท ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ส่วนผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นให้ประชาชนตัดสินใจ
ไม่ว่ารัฐบาลจะมีที่มาอย่างไรก็ใช้วิธีการตอบในลักษณะเช่นนี้ เพียงแต่ว่าคนในรัฐบาลเผด็จการคสช.อาจจะมั่นใจกว่ารัฐบาลอื่นได้หน่อย ตรงที่กลไกซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งรอบใหม่นั้นได้วางไว้เพื่อเอื้อให้ได้กลับมาสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว ยิ่งเห็นกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ แทบจะไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ ว่า ทุกอย่างล้วนแต่เป็นไปตามที่ท่านผู้นำต้องการจะให้เป็นทั้งสิ้น
แต่จะออกอาการชะล่าใจไม่ได้ แม้ฝ่ายหนุนยังแข็งแรงโดยเฉพาะพวกเชลียร์ที่หันไปตั้งพรรคการเมืองกันสนุกสนาน อ่านสัญญาณที่ส่งมาจาก นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “สัญญาณความเสื่อมของคสช.ลามไกลไปในทุกพื้นที่ชนบทไทย” น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
แม้ในมุมของหมอสุภัทรจะเป็นเพียงประเด็นความไม่พอใจของบุคลากรด้านสาธารณสุขต่อกฎหมายที่ห้ามรับลูกจ้างและขึ้นเงินเดือนของบุคลากรด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ แต่ก็มีนัยความหมายทางการเมืองอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากคำอธิบายที่ว่า คสช.อาจคิดว่าภาคใต้เป็นฐานที่มั่นที่จะสนับสนุนรัฐบาล เป็นฐานเสียงให้คสช.สานต่ออำนาจเผด็จการมาใส่สูทนักเลือกตั้งได้อย่างสบาย ๆ ความจริงเปล่าเลย หากไม่เชื่อผลการเลือกตั้ง (ถ้าไม่เลื่อนอีก) จะเป็นเครื่องพิสูจน์
คสช.ทำลายตนเองมาตลอด ด้วยการขันน็อตระบบราชการที่ประสิทธิภาพต่ำอยู่แล้วให้ต่ำลงอีก ยางราคาตก ปาล์มราคาร่วง ปูปลาในทะเลแม้จะชุกชุมขึ้นก็เป็นผลงานอียูที่กดดันหนักเรื่องประมงอวนรุนอวนลากทำลายล้าง ถ่านหินที่เป็นการพัฒนาที่ทำลายการท่องเที่ยวและแหล่งผลิตอาหารอินทรีย์ก็สนับสนุน ปฏิรูปที่โม้ไว้ก็ได้แต่แผนตามที่ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ วิพากษ์วิจารณ์
บทสรุปของนายแพทย์สุภัทรยิ่งน่าสนใจ นี่ชี้ชัดแล้วว่ารัฐบาลคสช.เน้นการปฏิรวบระบบราชการ คิดแบบทหารคือ ต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการ กระจายอำนาจไม่รู้จัก ประสิทธิภาพไม่สน บริหารไม่เป็น ปฏิรูปไม่เคลื่อน นาฬิกา 25 เรือนก็ยังไม่มีข้อสรุป เมื่อเป็นแบบนี้ ความเสื่อมกำลังลามเลียรัฐบาลเผด็จการในทุกด้าน โรงพยาบาลทุกแห่งไม่ว่าจะเล็กใหญ่จะขึ้นป้ายหรือไม่ขึ้นป้ายต่างด่ากันขรมไม่แพ้เรื่องป่าแหว่งเลยแม้แต่น้อย
ปัญหาดังกล่าวไม่ธรรมดาแน่นอน อยู่ที่ว่ารัฐบาลเผด็จการจะเพิกเฉยหรือสั่งการให้ต้นสังกัดอย่างกระทรวงสาธารณสุขไปหาทางแก้ปัญหาร่วมกับกระทรวงการคลัง นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ว่า ต่อให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างไร ใช่ว่าจะชี้นิ้วแล้วได้ทุกอย่างดั่งใจ แต่สิ่งที่ผู้จะสืบทอดอำนาจเร่งทำอยู่ในช่วงท้ายแห่งการครองอำนาจก็คือการสร้างภาพและหาเสียงล่วงหน้า
สิ่งที่เราจะได้ยินกันถี่ยิบเวลานี้คือการโหมประโคมเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจสารพัด ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่า หากมันดีจริงประโยชน์คงเกิดขึ้นกับคนทั้งชาติ ไม่ต้องมากุมขมับถูกด่ารายวันอย่างที่เป็นอยู่ แต่คงไม่เป็นไร เพราะคนเหล่านั้นไม่สำคัญเท่าเจ้าสัวนายทุนทั้งหลายแหล่ ขอแค่ให้คนเหล่านี้มีความสุขและกอบโกยประโยชน์มหาศาลจากการบริหารแบบนี้ ผู้มีอำนาจเผด็จการก็สุขใจแล้ว