อุ้มทีวีปิดปากสื่อ
คสช.ใจดี? ออกคำสั่งที่ 9/2561 อุ้มทีวีดิจิทัล แต่มาพร้อมเงื่อนไข ต้องทำตัวเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาท
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
คสช.ใจดี? ออกคำสั่งที่ 9/2561 อุ้มทีวีดิจิทัล แต่มาพร้อมเงื่อนไข ต้องทำตัวเป็นเด็กดี อยู่ในโอวาท
คำสั่ง คสช.มี 2 ข้อดูเหมือนใจดี ข้อแรก ให้พักชำระค่าธรรมเนียมไม่เกิน 3 ปี (แต่มีดอกเบี้ย) ข้อสอง ให้เอาเงินกองทุนวิจัยและพัฒนามาช่วยค่าเช่าโครงข่ายครึ่งหนึ่ง เป็นเวลา 2 ปี
แต่ความช่วยเหลือนี้มิได้ถ้วนหน้า เพราะคำสั่งข้อ 9 ระบุว่า ให้จัดทำผังรายการที่เหมาะสมสอดคล้องวัตถุประสงค์ มีการผลิตรายการที่ดี ให้ข้อมูลถูกต้อง ชัดเจน มีสาระเป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรมอันดี บลา ๆ ๆ ๆ ส่งให้สำนักงาน กสทช.พิจารณาว่าจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่ หรือหากช่วยไปแล้ว ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็ยกเลิกได้ทุกเมื่อ
ภาษากฎหมายอาจฟังยาก ต้องฟังฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.พูดชัดเจนกว่า
“ใครที่ทำผิดเงื่อนไข ดำเนินการใด ๆ ที่ผิดเงื่อนไขต่าง ๆ สำนักงาน กสทช. จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้เป็นผู้พักชำระหนี้ในระยะเวลา 3 ปี และได้รับค่าสนับสนุนในการเช่าโครงข่ายหรือไม่ …ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้กระทำผิดเงื่อนไขบ่อยหรือมีเหตุอื่นในการดำเนินการ เราจะมีหนังสือแจ้งตอบไปว่าไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว จะต้องนำเงินมาชำระพร้อมอัตราดอกเบี้ย”
“ในส่วนที่สอง เมื่อได้รับการพักชำระหนี้ไปแล้ว หากสำนักงาน กสทช. ยังตรวจพบภายหลังว่าการจัดทำผังรายการต่าง ๆ หรือการดำเนินการประกอบกิจการ ไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนและมีสาระสำคัญต่าง ๆ ทางสำนักงานฯ มีสิทธิที่จะประกาศยกเลิกได้ในภายหลังอีก”
ใครฟังก็บอกว่าไม่ใช่ทีวีขายครีมแหง ๆ มีแต่คนชี้มาที่ Voice TV ซึ่งถูกปิดหลังรัฐประหาร ถูก กสทช.ใช้อำนาจตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 97 และ 103 สั่งลงโทษทั้งปิดทั้งปรับทั้งงดรายการมาแล้ว 16 ครั้ง
บางคนอาจบอกว่าช่างหัว Voice of Thaksin แต่ถามจริง เงื่อนไขนี้ไม่พันธนาการอีก 21 ช่องหรือ สามปีจากนี้ไป อีก 21 ช่องจะต้องตัวลีบไหม ถ้าวันหนึ่งใครเผยอขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ ก็อาจถูกยกเลิกความช่วยเหลือได้ แถมบางช่องก็มีสื่ออื่นในค่าย จะถูกต่อรองให้ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองหรือต้องเชียร์ผู้มีอำนาจไหม
น่าเศร้าใจที่องค์กรวิชาชีพสื่อทั้งหลายไม่ยักมองมุมนี้ มองแต่ว่าช่างหัว Voice of Thaksin มันสิ
บางคนย้อนว่า คสช.อุตส่าห์อุ้ม เป็นผู้มีพระคุณก็ต้องตอบแทน ว่าตามเนื้อผ้า 2 ข้อนี้ไม่ถึงกับอุ้ม เพราะค่าธรรมเนียมยังต้องจ่ายแค่ให้พักหนี้มีดอกเบี้ย ค่า MUX ก็เถียงกันอยู่ว่าโครงข่ายไม่พร้อมดังสัญญา อย่าลืมว่าต้นเรื่องมาจากเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ฟ้องศาลปกครองชนะ กสทช.จึงต้องเสนอ คสช.ออกมาตรการ win-win (นี่ยังไม่พูดถึงใครนะ เอาช่วงไพรม์ไทม์ไปพูดคนเดียวโดยไม่จ่ายค่าเช่าเวลา)
ประเด็นเลอะเทอะที่สุดคือนี่เป็นการเอามาตรการ “เลือกไม่ช่วย” มายุ่งเหยิงกับอำนาจกำกับดูแลที่ กสทช.มีอยู่แล้ว ทั้งตามปกติ และโดยประกาศ คสช. พูดง่าย ๆ คือถ้ากสทช.เห็นว่าช่องใดทำผิดสั่งปรับ สั่งงดรายการ หรือสั่งปิด ก็เสียหายอยู่แล้ว นี่ยังต้องเสียสิทธิที่จะได้พักหนี้ ได้ลดค่า MUX ซ้ำเติมเข้าไปอีก แต่ยุคนี้สมัยนี้ไม่ยักมีใครท้วงว่าไม่เป็นธรรม
ที่น่าสังเกตคือ คำสั่ง คสช.ฉบับนี้ ยกอำนาจพิเศษให้สำนักงาน กสทช. ภายใต้เลขาธิการ เป็นผู้พิจารณาว่าจะช่วยใคร ไม่ช่วยใคร ประหลาดไหม เพราะกฎหมายปกติ อำนาจกำกับดูแลเป็นของกรรมการ กสทช. ไม่ใช่หรือ