พาราสาวะถี
หากยึดตามคำพูดของ วิษณุ เครืองาม เดือนนี้จะต้องมีการพบปะหารือกันระหว่างคสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองทุกพรรค แต่ล่าสุดเนติบริกรประจำรัฐบาล ออกมาประกาศแล้วว่า การหารือดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น โดยยกเหตุผลสารพัด จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เพิ่งผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
อรชุน
หากยึดตามคำพูดของ วิษณุ เครืองาม เดือนนี้จะต้องมีการพบปะหารือกันระหว่างคสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองทุกพรรค แต่ล่าสุดเนติบริกรประจำรัฐบาล ออกมาประกาศแล้วว่า การหารือดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น โดยยกเหตุผลสารพัด จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เพิ่งผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ไม่มีปัญหา และไม่ต้องแก้ไขใด ๆ นั่นหมายความว่า จากนี้ไปต้องรอกระบวนการนำร่างกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.และร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯ โดยส่วนของร่างกฎหมายส.ส.เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วยังต้องรออีก 90 วันกว่าจะมีผลบังคับใช้ ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลต้องรอคือการตีความคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการหารือจะเกิดขึ้นเมื่อใดหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม น่าขีดเส้นใต้ระหว่างคำพูดของวิษณุ กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใครที่พูดความจริง เพราะเนติบริกร ความตั้งใจเดิมของนายกรัฐมนตรีคือต้องการที่จะเปิดเวทีให้ทุกพรรคการเมืองได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับอุปสรรคปัญหาที่พบ แต่กลับมีบางพรรคตั้งข้อแม้ในการเข้าร่วม
หากย้อนกลับไปดูสิ่งที่ท่านผู้นำชี้แจง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น นอกเหนือจากคำขู่ที่ว่าไม่มาก็ไม่ต้องมา ยังบอกว่าเหตุที่เชิญมาคุยเพื่ออยากทราบว่า จะทำตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปที่คณะเผด็จการคสช.ได้วางไว้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงมีปุจฉามาจากบางพรรคการเมือง การเชิญไปหารือเพื่อให้แต่ละพรรคเปิดนโยบาย ขายความคิดที่จะทำ โดยที่ผู้มีอำนาจวางแผนจะตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ
นี่ไม่ใช่การลอกการบ้าน แต่เป็นการเรียกเพื่อนไปขู่บังคับให้ช่วยทำข้อสอบเพื่อให้ตัวเองสอบผ่าน โดยที่เพื่อนเสี่ยงที่จะถูกอาจารย์ใช้ดุลยพินิจสั่งให้สอบตกได้ทันที บางทีต้องเข้าใจกันว่านอกเหนือจากอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่มีแล้ว เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองและองคาพยพวางกันไว้ ยังต้องทำตัวเป็นคนใจกล้า หน้าด้านอีกต่างหาก
ประเด็นอันว่าด้วยการหารือพรรคการเมืองนั้น จะว่าไปตามจริงแล้วไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบอื่น แต่เป็นความต้องการของผู้มีอำนาจเอง ซึ่งคงมีเจตนาที่จะแสดงให้เห็นว่าตัวเองได้นำพาพรรคการเมืองทั้งหลายแหล่เข้าสู่กระบวนการตามประชาธิปไตยแล้วเท่านั้น ความจริงอำนาจสิทธิขาดในการกำหนดวันเลือกตั้งก็อยู่ที่หัวหน้าคสช.แต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว
แม้จะมีการอ้างกระบวนการตามกฎหมายมีรัฐบาล มีกกต.เข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นก็แค่วิธีการทางนิตินัยหรือพิธีกรรมแค่นั้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าร่างกฎหมายที่ไร้ปัญหาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าไม่สะดุดเรื่องคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 (ซึ่งคงไม่มีปัญหาชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์) การเลือกตั้งตามโรดแมปที่ผู้มีอำนาจและลิ่วล้อย้ำมาโดยตลอดคงต้องเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าอย่างแน่นอน
ความจริงหากย้อนกลับไปถอดรหัสจากคำพูดของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าร่างกฎหมายส.ส.ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญคงไม่มีปัญหาหลังร่างกฎหมายส.ว.ผ่านฉลุย ก็จะเห็นทิศทางอันชัดเจน สิ่งที่คนมองกันต่อไปคือ การยืนยันโรดแมป การตอกย้ำเรื่องหย่อนบัตรตามคำประกาศของท่านผู้นำ อะไรทำให้เผด็จการคสช.จึงยึดมั่นกับเงื่อนเวลาดังว่า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็เลื่อนมาโดยตลอด
หากไม่คิดอะไรมาก นั่นก็เป็นเพราะท่านผู้นำประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวไม่ได้แทงกั๊กหรือต้องเก๊กให้เสียความเป็นกรรมการอีกต่อไป ขณะที่คนในเครือข่ายหรือเด็กในคาถาก็แสดงท่าทีในการจัดตั้งพรรคการเมืองชัดเจน ผนวกเข้ากับพลังดูดที่เดินหน้ากันมาโดยตลอด พ่วงด้วยบรรดาพรรคเชลียร์อีกพะเรอเกวียน ไหนจะมีส.ว.ลากตั้งอีก 250 เสียงรอยกมือหนุนนายกฯ คนนอกอยู่ มันไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกแล้ว
มิหนำซ้ำ ผลพวงจากการที่มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับ 8 แกนนำพรรคเพื่อไทยในการแถลงข่าวครบรอบ 4 ปีคสช. ซึ่งถือเป็นไม้ตายที่ไม่รู้ว่าจะถูกงัดมาใช้เมื่อไหร่ ในกระบวนท่ายุบพรรคนายใหญ่ ตามที่ได้มีการวิจารณ์กันไปก่อนหน้านั้น ถ้ายุบใกล้วันเลือกตั้งก็จะเกิดปรากฏการณ์ตายหมู่ ผู้สมัครส.ส.ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคคสช.และเครือข่าย จะไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้แม้แต่น้อย
เมื่อถือแต้มต่ออยู่ในมือขนาดนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนโรดแมปให้ตัวเองเสียรังวัด ตกเป็นขี้ปากเป็นเด็กเลี้ยงแกะหรือยุทธน็อคคิโออีกต่อไป หนทางในการจะกลับคืนสู่อำนาจทำท่าว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบไว้แล้ว ส่วนอุปสรรคอย่างผลโพลแม้แต่เพจที่สนับสนุนหัวหน้าคณะเผด็จการเองยังไม่ต้องการให้อยู่ต่อก็ไม่ใช่ปัญหา อย่าลืมว่าอำนาจพิเศษและมาตรายาวิเศษยังอยู่ในมือคนชื่อประยุทธ์ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ
นั่นหมายความว่า หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน การบังคับใช้กฎหมายเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังสามารถดำเนินการได้อยู่ เรียกได้ว่ามีอาวุธครบมือพร้อมกระสุนดินดำอื้อซ่า ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องกลัวอะไรอีกแล้ว สิ่งสำคัญทั้งโครงการไทยนิยมยั่งยืน ประชารัฐ บัตรคนจน ทำให้คนในคณะเผด็จการเชื่อมั่นว่าเหล่านี้จะมัดใจ ซื้อความไว้วางใจจากประชาชนและลดแรงกระเพื่อมได้แน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น การลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรถี่ยิบทุกเดือน กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคนี่ก็คือการหาเสียงอันถูกต้องตามกฎหมาย และแม้จะไม่ใช่ก็ถามต่อว่ามีใครกล้าวิจารณ์หรือเข้าไปจัดการหรือไม่ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เรื่องการหารือพรรคการเมืองจึงเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบไม่ใช่สาระสำคัญ จากที่ขอเวลาอีกไม่นานแต่ก็นานเกิน 4 ปีและเราจะทำตามสัญญาแต่ก็เลื่อนโรดแมปมาหลายครั้ง ดังนั้น หากเราจะสืบทอดอำนาจเพราะไม่ได้สัญญิงสัญญาอะไรกับใคร ถามว่าใครจะ (กล้า) มีปัญหา