ปตท.กับ Electricity Value Chain

จากพลวัต “ธุรกิจพลังงาน” ที่กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยวิวัฒนาการเทคโนโลยีสมัยใหม่และพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการตื่นตัวกับการมุ่งสู่พลังงานใหม่ โดยเฉพาะ “พลังงานไฟฟ้า” แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ “พลังงานดั้งเดิม” ถูกจำกัดความสำ คัญลงไปต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ..!!


พลวัตปี 2018 : สุภชัย ปกป้อง

จากพลวัต “ธุรกิจพลังงาน” ที่กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยวิวัฒนาการเทคโนโลยีสมัยใหม่และพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการตื่นตัวกับการมุ่งสู่พลังงานใหม่ โดยเฉพาะ “พลังงานไฟฟ้า” แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ “พลังงานดั้งเดิม” ถูกจำกัดความสำ คัญลงไปต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ..!!

ในแง่ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานไทย การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างธุรกิจพลังงานครั้งนี้มีผลต่อเป้าหมายและยุทธศาสตร์ทางธุรกิจอย่างหลีกลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันเบอร์หนึ่งของไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่

นั่นจึงทำให้ปตท.หันเข็มทิศสู่ “ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า” เต็มรูปแบบ จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำภายใต้วิสัยทัศน์ Electricity Value Chain เริ่มตั้งแต่ ธุรกิจเชื้อเพลิงอย่างก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (จากพลังงานแสงอาทิตย์) ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวข้องกับสถานีบริการจ่ายไฟฟ้าและอุปกรณ์ชาร์จจิ้งต่าง ๆ

“เทวินทร์ วงศ์วานิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT ระบุชัดว่า Electricity  Value Chain ที่ปตท.กำลังมุ่งไปและเริ่มต้นแล้วครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางนั้น เริ่มที่การเข้าไปลงทุนตั้งแต่ต้นทางคือร่วมกับบริษัท ปิโตรนาสของมาเลเซีย เพื่อลงทุนสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยใช้บริษัท พีทีที โกลบอล แอลเอ็นจี จำกัด เข้าไปลงทุน

หลังเริ่มนับหนึ่งแล้วจะเกิดธุรกิจส่วนอื่น ๆ ตามมา เช่น การซื้อขายก๊าซ LNG ในภูมิภาค ที่ปัจจุบันมีความพร้อมอยู่แล้ว อาจทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซ LNG ในอนาคตได้ เมื่อมองถึงต้นทางแล้ว สิ่งที่ปตท.มองถัดมาคือการบริหารจัดการไฟฟ้า ยิ่งเมื่อทุกคนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้าแล้ว ต้องมีระบบโครงข่ายที่รองรับด้วย แลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน ธุรกิจไฟฟ้ามีการแข่งขันและเป็นธุรกิจเสรีมากขึ้น”

แน่นอนว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้ ปตท.กำลังเข้าสู่การลงทุนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ (Energy Storage) ที่จะเข้ามาเสริมข้อจำกัดของพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงระบบแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ จากปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้าสู่ระบบมากขึ้น จนถึงปลายทางธุรกิจไฟฟ้านั่นคือสถานีชาร์จไฟฟ้า ที่ ปตท.ก็มีความร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้ารองรับความต้องการของผู้บริโภค

จากปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพเห็นชัดว่าธุรกิจไฟฟ้าจะกลายเป็น new S-curve ใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตให้กลุ่มปตท.ในอนาคตนั่นเอง…!!??

Back to top button