หมดอารมณ์!

*หากสำรวจบรรยากาศการลงทุนแบบละเอียดจะเห็นว่า อารมณ์ของนักลงทุนรายย่อย “ไม่คึกคัก..ไม่ซู่ซ่าส์” เหมือนเมื่อก่อน จึงไม่มีอารมณ์เคาะขวารัว ๆ เพื่อหาค่าขนมกินเล่นในแต่ละวัน ส่งผลให้การเล่นหุ้นวานนี้ดูอึดอัดไปหมดเสียทุกอย่าง “โมนิก้า” ถึงไม่อยากคาดหวังอะไรมากมายในช่วงบรรยากาศอึมครึมแบบไม่มีกำหนด เลยขอทำตัวเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ชั่วคราวไปก่อนนะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากสำรวจบรรยากาศการลงทุนแบบละเอียดจะเห็นว่า อารมณ์ของนักลงทุนรายย่อย “ไม่คึกคัก..ไม่ซู่ซ่าส์” เหมือนเมื่อก่อน จึงไม่มีอารมณ์เคาะขวารัว ๆ เพื่อหาค่าขนมกินเล่นในแต่ละวัน ส่งผลให้การเล่นหุ้นวานนี้ดูอึดอัดไปหมดเสียทุกอย่าง “โมนิก้า” ถึงไม่อยากคาดหวังอะไรมากมายในช่วงบรรยากาศอึมครึมแบบไม่มีกำหนด เลยขอทำตัวเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ชั่วคราวไปก่อนนะจ๊ะ

*เดี๊ยนเลยไม่มีความจำเป็นไปสืบหาต้นตอที่ทำให้ดัชนียืนปิดได้แค่ระดับ 1,723.11 จุด บวกไป 1.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.79 หมื่นล้านบาท แถมเป็นเทรดหุ้นที่เบาบางสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจเหตุผลที่ทำให้แมงเม่าพักการซื้อขายมากขึ้น และไม่อยากเร่งรัดให้คนที่ไม่มีความพร้อมเข้าตะลุยหุ้น เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาไงล่ะคะ

*ทำไมเดี๊ยนถึงกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้…จึงขอตอบกลับแบบเนียน ๆ ว่า ตัวเลขซื้อขายที่ปรากฏให้เห็นในแต่ละวันบอกให้รู้ว่า สัดส่วนของแมงเม่าที่เคยครองตลาดหุ้นไทยสูงเกินกว่าระดับ 50% มาเวลานี้เหลืออยู่แค่ระดับ 40% ต้น ๆ เท่านั้นเอง ขณะที่นักลงทุนกลุ่มอื่น ๆ ยังคงรักษาสัดส่วนในตลาดหุ้นไว้ที่ระดับเดิมอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็นในรายของกองทุนตัวแสบ กับปอบผีฟ้า ก็อยู่ในราว ๆ 12% ยกเว้นในรายของฝรั่งตาน้ำข้าวมีสัดส่วนขยับขึ้นมาอยู่แถวบริเวณ 35% นะจะบอกให้

*ตัวเลขดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจได้ในทันทีว่า แมงเม่ากำลังเข้าสู่โหมด wait & see เพื่อรอตัวแปรบางอย่างให้ชัดเจนขึ้นเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะเปิดโหมดตะลุยแหลกแบบสุดซอย เดี๊ยนถึงต้องถามเหล่านักเล่นกันอีกครั้งว่า รอเรื่องอะไรกันเหรอ? คาดหวังกับเรื่องอะไรกันล่ะ? หรือแม้กระทั่งต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน? แต่สิ่งสำคัญสุดที่เดี๊ยนอยากจะบอกทุกคนคือ งบต้องดี!..หลังจากนั้นทุกอย่างจะดีเองจ้า!

*เหมือนกับการทรุดตัวของหุ้น PTTGC ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 87.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ทั้งหมดเกิดจากความวิตกกังวลตัวเลขกำไรจะออกมาไม่ดี เพราะสัญญาณหลายอย่างออกไปในโทนลบ จึงมีแรงเทขายไหลออกมาไม่หยุดหย่อนในช่วงที่ผ่านมา จนมองไม่เห็นหนทางที่หุ้นจะเด้งขึ้นอย่างบูรณาการนะซี

*สำหรับกรณีของหุ้น ดีแตก…อุ๊ย…DTAC กระชากขึ้นมายืนปิดที่บริเวณ 49.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่า 950 ล้านบาท น่าจะเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากมาก ๆ เพราะเรา ๆ ท่าน ๆ ก็เห็นอยู่ว่า สตอรี่ไม่เด่น ชอบทำซ่าส์ได้ไม่กี่ยก เผลอแป๊บเดียวก็ร่วงลงไปกองกับพื้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ  เพื่อความปลอดภัยในชีวิต..อิอิอิ

*เม้าท์ถึงเรื่องเซฟตี้โซนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันไปมองหุ้นน้องแอน ANAN ก่อนใครเพื่อน เพราะการขึ้นของหุ้นก่อนหน้านี้มาจากข่าวโอนโครงการ “แอชตัน อโศก” เป็นไปอย่างราบรื่น พอหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 4.34 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 158 ล้านบาท บรรดาแมงลือก็เม้าท์กันให้แซ่ดอีกรอบว่า น่าจะมีแอ็กซิเดนต์บางอย่างเกิดขึ้นหรือเปล่า? งานนี้คงต้องสืบค้นหาคำตอบกันต่อไปนะออเจ้า

*ส่วนที่ยังไม่ได้คำตอบสักที คงเป็นปัญหาคนทุบหุ้นฟอร์มสุดสวย SUPER แบบไม่ปรานีปราศรัย จนหลายคนเกิดอาการเข็ดขยาดกับหุ้นตัวนี้กันอย่างถ้วนหน้า พร้อมกับเกิดวลีเด็ดจากเฮีย ป. พาเพลิน ในทำนองว่า 7 มิ.ย. รู้ตัวไอ้โม่งที่ทำการชำเราหุ้นอย่างป่าเถื่อน บรรดาแมงเม่าเลยทวงถามคำมั่นสัญญาที่เคยลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไอ้หรืออี..ผู้นั้นมันเป็นใคร? (บทย้อนยุคหนังสมัยก่อน) ขืนไม่รีบให้ความกระจ่างกับสังคม..เขาจะหาว่า เล่นละครตบตานะคุณพี่!

*เหมือนกับการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้น DCORP ก่อนจะพาตัวเองไปปิดที่ระดับ 3.50 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 15.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมเสี่ยงที่แมงเม่าชอบกันเหลือเกิน และสาเหตุที่ชื่นชอบก็มาจากขาใหญ่เข้ามาจุดพลุอีกรอบ จนหลงลืมไปว่า คนเข้าไม้ท้าย ๆ เสียเปรียบเต็มประตู แต่เผอิญทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า เกมยังไม่จบง่าย ๆ และตนเองยังออกของทัน ก็เลยไล่ราคากันต่อแบบชิว ๆ นะจะบอกให้

Back to top button