พาราสาวะถี

อรชุน

ภาษาวัยรุ่นบอกอินเทรนด์ ส่วนภาษาวัยกลางคนขึ้นไปจะบอกว่าตามกระแส วันนี้ ฟุตบอลโลก ศึกฟาดแข้งอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติจะประเดิมสนามเป็นนัดแรก เจ้าภาพรัสเซีย ดวลเกือกกับตัวแทนจากทวีปเอเชีย ซาอุดีอาระเบีย คิกออฟกันเวลา 4 ทุ่ม จากนั้นก็จะโม่แข้งกันไปอีก 1 เดือน แต่ดีหน่อยคอบอลบ้านเราไม่ต้องอดตาหลับ ขับตานอนเท่าไหร่เพราะเวลาในการถ่ายทอดสดกำลังดีอยู่ในช่วงหัวค่ำถึงดึกนิด ๆ เต็มที่ก็เริ่มที่เที่ยงคืนครึ่ง ขณะที่บางวันมีเริ่มเตะตอนห้าโมงเย็นด้วย

เป็นธรรมดาของมหกมรรมแข่งขันฟุตบอลระดับโลก ที่เรื่องการพนันขันต่อมักจะถูกจับตามอง ไม่ต้องคาดหวังว่ายุคนี้น่าจะกวดขันเข้มงวดและเอาอยู่ เพราะผู้ได้รับผลประโยชน์ขาใหญ่เป็นใครบ้างต่างก็รู้กันดี ไม่มีทางที่จะให้มันหมดไป ส่วนใครที่ไม่ได้สนใจต่อเรื่องแบบนี้ ก็ลุ้นเชียร์กันกับทีมที่ตัวเองชอบ ถ้าอยากเสี่ยงดวงก็ไปร่วมทายผลกับบรรดาภาคเอกชนที่เขาเปิดให้ร่วมสนุกแบบถูกกฎหมายและได้ของรางวัลกันดีกว่า

มันใช่อย่างที่ท่านผู้นำคิดและรู้สึกหรือเปล่า เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันพิจารณา ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกกับประชาชนกว่าหมื่นคนที่มาร่วมงานปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมนุมอย่างยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันวานในทำนองว่า ประชาชนไม่ฟังสิ่งที่รัฐบาลพูด มัวแต่เอาเวลาไปติดตามเรื่องดารา เรื่องหวย 30 ล้านบาทอะไรประมาณนั้น

ทำให้ท้ายสุดก็ลืมว่าคนที่เป็นนายกฯ คิดอะไร รัฐบาลพูดอะไรก็ไม่รู้ แล้วกลับมาด่ารัฐบาล ด่ากันเอง ก่อนจะออกตัวว่า ยินดีรับคำด่าคำว่าทุกวัน มากกว่าคำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ จริงใจต่อกัน คนเราพูดแล้วทำสำคัญ และความรับผิดชอบ ความจริงใจที่ตนทำให้กับทุกคน ไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดทำงาน คณะรัฐมนตรีทุกคนก็เหมือนกัน

ก่อนจะปิดท้ายโยนปัญหาทั้งหมดมาที่สื่ออีกตามเคย ด้วยการบอกว่า สำหรับทุกคนถ้ามีอะไรบอกคณะทำงานของรัฐบาล เพราะถ้าไปพูดเสียหายในสื่อ มันก็เหมือนรัฐบาลทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง บางทีก็ทำให้รู้สึกเสียขวัญอยู่เหมือนกัน นี่ขนาดเสียขวัญนะยังด่าได้รายวันและเดินสายโชว์พลังดูดกันคึกคัก หากมีสติสตังค์อยู่ครบไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านผู้นำและคณะเผด็จการจะตีปีกกันขนาดไหน

การบ่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความจริงถ้ายึดถือความเป็นมนุษย์ก็ย่อมจะเข้าใจได้โดยง่าย คนเราถ้าทำแล้วมันประสบความสำเร็จ จะมีคนด่าได้อย่างไร เช่นเดียวกันกับการที่บอกว่าพูดแล้วต้องทำ ห้วงเวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยคลิปบทเพลงล้อเลียนเราจะทำตามสัญญาของผู้นำ แม้เจตนาจะสร้างความสุข เรียกเสียงหัวเราะ แต่นั่นก็เต็มไปด้วยการเหน็บแนมและสะท้อนถึงภาวะการทำมากกว่าพูดของผู้มีอำนาจได้เป็นอย่างดี

หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องจัดการเลือกตั้ง วันนี้ถามว่าแม้แต่เพลงที่แต่งเองยังไม่กล้าที่จะเปิดให้คนฟัง เพราะเนื้อหา “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นี่ก็เดินเข้าสู่ปีที่ 5 ของการบริหารประเทศแล้ว ถ้าเป็นรัฐบาลปกติก็ถือว่าเกินวาระไปแล้ว มีอะไรที่สัมผัสจับต้องได้บ้าง สิ่งที่ประกาศว่าเป็นประชารัฐทั้งหลายแหล่นั้น เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้านที่ท่านผู้นำไปเปิดงานนั้น ถามว่าคิดเองทำเองหรือต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลเก่าเขาทำกันมากว่าสิบปีแล้ว

ทุกอย่างเหมือนที่บอก หากมันช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ต้องไปโพนทะนาหรือบังคับให้ใครเชื่อ คนส่วนใหญ่เขารับรู้ได้เองว่าคนคนนั้นคิด รัฐบาลนี้ทำ ไม่จำเป็นต้องไปทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อหรือปฏิบัติการจิตวิทยาใด ๆ เพราะรัฐบาลที่บริหารประเทศไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใดก็ตาม ถ้าประชาชนรู้สึกว่าอยู่ดีกินดีแล้ว จะไม่มีเสียงบ่นเล็ดลอดมาให้ผู้นำประเทศเกิดอาการหงุดหงิดหัวใจอย่างแน่นอน

เว้นเสียแต่ว่า ผู้นำหรือคนในรัฐบาลนั้น จะคิดและเชื่อเอาเองว่าสิ่งที่ทำนั้นดีแล้ว ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นเครื่องยืนยันนั่นก็อีกเรื่อง ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีใครที่จะไปชี้แนะให้คณะของผู้ครองอำนาจเชื่อฟังได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของคณะผู้ปกครองนั้น ๆ ในทางกลับกันผู้มีอำนาจก็ต้องไม่แสดงอาการโมโหโกรธา ถ้าจะมีเสียงวิจารณ์ว่าหลายเรื่องยังใช้ไม่ได้ เพราะเมื่อเกิดภาวะมองกันคนละมุม สัมผัสกันคนละด้านเสียแล้ว มันก็ยากที่จะคุยกันเข้าใจ

เหมือนอย่างความเดือดร้อนของเกษตรกรจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็แนะนำให้ท่านผู้นำท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า ต้องเลิกปลูกพืชเชิงเดี่ยว ต้องทำการเกษตรโดยศึกษาปัจจัยทางการตลาดร่วมด้วย นี่คือการคิดในเชิงวิชาการ มองในแบบนักเศรษฐศาสตร์ แต่สภาพความเป็นจริงเกษตรกรเหล่านั้น มีความสามารถที่จะทำอย่างที่ท่านว่าได้หรือไม่ ตรงนี้ไม่มีใครพูด

เช่นเดียวกับการที่เคยบอกให้ชาวนาเลิกปลูกข้าว จนเมื่อมีคนไปสะกิดบอกข้อมูลสำคัญ ท่านผู้นำจึงต้องเปลี่ยนท่าทีแล้วหันมาขายความฝันแปลก ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ความเป็นจริงความจำเป็นในเรื่องของการช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อเกษตรกรนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คงไม่ต้องเหนียมว่าจะไปซ้ำรอยกับโครงการรับจำนำข้าวหรือตั้งข้อรังเกียจกับการกระทำดังกล่าว เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการทำงานที่ปฏิเสธความเป็นจริงและมันยิ่งจะห่างไกลจากความต้องการที่แท้จริงของผู้เดือดร้อน

ยังสับสนเรื่องการนัดหารือของรัฐบาล กับกฤษฎีกา กกต.และกรธ. เพราะ มีชัย ฤชุพันธุ์ บอกคุยกัน 13 มิถุนายน ส่วน วิษณุ เครืองาม บอกว่าจะหารือกันวันนี้ ทั้งที่การนัดหมายหนนี้จะนำไปสู่การเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุย ไม่รู้ว่าติดขัดกันด้วยปัญหาใด แต่หากจะมองหาความมั่นใจและทำให้คนเชื่อว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแน่นอน

ปฏิทินในการทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะการนำไปสู่การปลดล็อกให้พรรคการเมืองควรต้องให้แน่ชัดกว่าที่เป็นอยู่ พอเกิดอาการชักเข้าชักออก ก็จะต้องเผชิญกับข่าวการดูดจนพอใจก่อนจึงจะคลายข้อบังคับอันเข้มงวดกับพรรคการเมือง ซึ่งข่าวในลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านผู้นำหัวเสียและหงุดหงิดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง