TVO สดใสต่อเนื่อง

การแข่งขันจากผู้นำเข้ากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้าตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป เพราะต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นจากภัยแล้งในประเทศอาร์เจนตินา อีกทั้งปัจจุบันส่วนต่างราคาเมล็ด-กากถั่วเหลืองอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่เฉลี่ยราว 30 เหรียญฯ (จากต้นปีถึงปัจจุบัน)


คุณค่าบริษัท

การแข่งขันจากผู้นำเข้ากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้าตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป เพราะต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นจากภัยแล้งในประเทศอาร์เจนตินา อีกทั้งปัจจุบันส่วนต่างราคาเมล็ด-กากถั่วเหลืองอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่เฉลี่ยราว 30 เหรียญฯ (จากต้นปีถึงปัจจุบัน)

ความที่ผู้นำเข้ากากถั่วเหลืองจะลดลง ทำให้หลายฝ่ายมองเป็นเชิงบวกต่อ บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO เนื่องจากคู่แข่งจะลดลงแล้ว ก็จะทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ประกอบกับทางบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากวัตถุดิบเมล็ดถั่วเหลืองที่บริษัทใช้ในการผลิตถือยังเป็นราคาต้นทุนที่ได้ซื้อเอาไว้ล่วงหน้า ในระดับที่ต่ำกว่าราคาซื้อ-ขายถั่วเหลืองในตลาดโลก ณ ปัจจุบัน

ทาง TVO จึงได้เปรียบคู่แข่งรายอื่น

ที่สำคัญยิ่งราคากากถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น ก็จะทำให้สินค้าจากถั่วเหลือง รวมถึงอาหารสัตว์ที่ทำจากกากถั่วเหลืองมีราคาสูงขึ้น นี่ก็จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างของต้นทุน

ขณะเดียวกันทางบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบอย่างอื่นในการนำมาผลิต ซึ่งก็ยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโตได้

ยิ่งในขณะที่ธุรกิจน้ำมันพืชคาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 3/2561 จากการแข่งขันจากน้ำมันปาล์มที่ลดลง

ดังนั้นหลายฝ่ายมองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2-3 ปี 2561 ของ TVO ยังค่อนข้างเติบโตได้ดี

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 ที่ 571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากอุปสงค์อาหารสัตว์ที่ยังแข็งแกร่งและส่วนต่างราคาเมล็ดถั่วเหลือง-กากถั่วเหลืองที่ยังอยู่ในระดับสูง ช่วยชดเชยผลกระทบการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันพืชได้ คาด GPM ทรงตัวในระดับสูง 14.8% เทียบกับ 8.0% ในไตรมาส 2/2560 และในไตรมาส 1/2561

นอกจากนี้ความไม่ชัดเจนของนโยบายการกีดกันทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และสภาพการเพาะปลูกในสหรัฐฯ ที่มีพัฒนาการในเชิงบวกทำให้กองทุนขายทำกำไรสินค้าถั่วเหลืองในตลาด CBOT โดยราคาเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองปรับลดลงกว่า 8.5% และ 7.5% จากต้นปีถึงปัจจุบัน ซึ่งมองว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ในขณะที่ USDA ยังคาดการณ์ปริมาณสต๊อกถั่วเหลืองโลกจะลดลงต่อเนื่องในปี 2561-2562

สำหรับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 6,000 ตันต่อวัน โดยจะอาศัยการปรับปรุงพื้นที่ในโรงงานเดิมที่ จ.นครปฐม ภายใต้งบลงทุนราว 145 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตโดยการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ยังอยู่ระหว่างการหาที่ดิน

ปัจจัยขับเคลื่อนจาก (1) ผลประกอบการไตรมาส 2-3 ปี 2561 ที่จะเติบโตต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำในปี 2560 จากความได้เปรียบเหนือผู้นำเข้ากากถั่วเหลือง (2) ราคาปัจจุบันคาดมี Dividend Yield สูง 6.4% (3) การขยายกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบกว่า 8 ปี

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. น.ส.สุดารัตน์ วิทยฐานกรณ์ 61,110,800 หุ้น 7.56%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 60,301,212 หุ้น 7.46%
  3. นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ 58,767,228 หุ้น 7.27%
  4. นางรัตนา จันทร์พิทักษ์ 45,000,000 หุ้น 5.57%
  5. บริษัท เชียร์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 31,069,793 หุ้น 3.84%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ
  2. นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการอิสระ
  3. นายสมพล เกียรติไพบูลย์ กรรมการตรวจสอบ
  4. น.ส.สุดารัตน์ วิทยฐานกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร (รักษาการ)
  5. นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการผู้จัดการ

Back to top button