บลูชิพเลือดสาด
*วันนี้ “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า บรรดาแมงเม่าเกิดอาการเข็ดขยาดกับการแกว่งตัวลงของดัชนีแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยกันเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มมีการส่งเสียงร้องโอดโอยดังระงมไปทั่วทุกห้องค้า พร้อมกับได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างชัดเจน เหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นหนทางในการลงทุนเต็มไปด้วยขวากหนามตลอดเส้นทางนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า บรรดาแมงเม่าเกิดอาการเข็ดขยาดกับการแกว่งตัวลงของดัชนีแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกินร้อยกันเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มมีการส่งเสียงร้องโอดโอยดังระงมไปทั่วทุกห้องค้า พร้อมกับได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างชัดเจน เหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นหนทางในการลงทุนเต็มไปด้วยขวากหนามตลอดเส้นทางนะจะบอกให้
*ประกอบกับตัวแปรที่นำมาบอกเล่าเรื่องราวมีแต่เรื่องร้าย ๆ “โมนิก้า” เลยมีอาการห่อเหี่ยวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เพราะมันหมายถึงดัชนีมีโอกาสทรุดตัวลงไปยืนที่ฐานแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,600 จุดค่อนข้างสูง บวกกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่าง “อเมริกา” กับ “จีน” สถานการณ์หลายอย่างเลยดูหนักหนาสาหัสกว่าที่เป็นอยู่นะคะ
*เนื่องจากกองทุนในประเทศและต่างประเทศต้องสาดหุ้นทิ้ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดัชนีถึงโรยตัวลงมาปิดที่ 1,639.54 จุด ลบไป 40.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.44 หมื่นล้านบาท มันทำให้เห็นว่าแรงเทขายในเที่ยวนี้เยอะจริง ๆ จนไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปรับของร้อน “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นหนทางที่ดัชนีจะเด้งกลับอย่างบูรณาการ และต้องนั่งทำตาปริบ ๆ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนดเจ้าค่ะ
*เหมือนกับการทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องของหุ้น TRUE ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มันไม่มีเหตุผลอื่นใดมาอธิบายได้ดีเท่ากับกองทุนลดพอร์ต สภาพของหุ้นถึงยับเยินอย่างที่เห็นนี่แหละ! เดี๊ยนเลยไม่มีคำถามค้างคาใจว่า เหตุใดหุ้นถึงทิ้งดิ่งลงมายืนอยู่ที่ 6.20 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไปอีก 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องที่หุ้นขนาดใหญ่ต้องเจอกันทุกรายนะซี
*ไม่เว้นแม้แต่หุ้นปูนใหญ่ SCC ตกอยู่ในสภาพทำราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือน ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 410 บาท ลบไป 12 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.79 พันล้านบาท น่าจะมาจากกำไรไตรมาส 1 ลดลงอย่างน่าใจหาย และเรื่องดังกล่าวน่าจะมีผลต่อเนื่องในไตรมาส 2 หุ้นถึงอยู่ในทิศทางขาลงอย่างชัดเจน และมองไม่เห็นจุดเด้งกลับอยู่ตรงบริเวณไหน จึงไม่ควรเข้าไปตะลุมบอนในจังหวะนี้นะจ๊ะ
*ส่วนคนที่อยากวัดดวงเหลือเกิน “โมนิก้า” ขอให้หันมาดูหุ้น BANPU เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเล่นเสียว เพราะเป็นหุ้นบลูชิพเพียงไม่กี่ตัวที่ยังเคลื่อนไหวในกรอบเดิมบริเวณราคา 19.80-22.10 บาท ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ระดับ 20.10 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.77 พันล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความไวมาเป็นตัวนำในการเล่นหุ้นเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC อาจมีอาการตื้อ ๆ ตัน ๆ ให้เห็นบ้างในบางจังหวะ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะหุ้นยังเคลื่อนตัวในรูปแบบ W-Shape “โมนิก้า” ถึงมองเป็นช็อตของการเล่นรอบสั้น ๆ สำหรับพวกเสือปืนไว บวกกับสตอรี่ของหุ้นยังไปได้สวย วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 189 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการทรุดตัวน้อยกว่าบลูชิพตัวอื่นอย่างชัดเจนพะยะค่ะ
*ส่วนคนที่ “ถนัดของเล็ก ราคาย่อมเยา” ต้องหันมามองหุ้นโรงหมอ CHG หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงมายืนใกล้เส้นแนวรับ 75 วันบริเวณ 2.16 บาท จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปหาแนวต้านแรกที่บริเวณ 2.28 บาท หากทะลุระดับดังกล่าวขึ้นไปได้แบบชิว ๆ ก็มีลุ้นถึงยอดเดิมบริเวณราคา 2.40 บาท น้องโมถึงอยากให้น้องหนูทั้งหลายมองราคาปิดที่ 2.18 บาท ลบไป 0.08 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116 ล้านบาท น่าสนไหม?
*อีกหนึ่งรายที่ไม่น่าสนเลยจริง ๆ “โมนิก้า” ขอมอบตำแหน่งดังกล่าวให้กับ ESSO เพราะแพตเทิร์นของหุ้นเป็นลักษณะ ลงหนักแล้วพัก..ต่อจากนั้น..ลงหนักแล้วก็พัก หุ้นถึงอ่อนตัวลงจากระดับ 19 บาทลงเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 12.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไปอีก 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้บางคนขาดทุน 30% เป็นอย่างต่ำ แถมหุ้นหลุดทุกแนวรับแบบนี้..ดีสุดสำหรับรอบนี้คงรีบาวด์แล้วลงต่อนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BJC รูดไถลลงแรงอย่างไม่น่าเชื่อ จนหุ้นหลุดกรอบเดิมแบบง่าย ๆ เลยกลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นอันตรายที่แมงเม่าควรหลีกเลี่ยง เพราะโมเมนตัมของหุ้นดูไม่สวยงามเอาเสียเลย บวกกับแรงเทขายที่ยังไม่สะเด็ดน้ำเสียทีเดียว วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนที่ระดับ 52.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 พันล้านบาท มันคุ้มที่จะเสี่ยงไหม?