GPSC กลเกมซื้อกิจการ GLOW (ภาค 2) คุ้มค่าลงทุน & ได้ไม่คุ้มเสีย..!?

จากความชัดเจนกรณี บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ทุบโต๊ะซื้อหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW จำนวน 69.11% จากกลุ่ม Engie Global Developments B.V. (ผู้ถือหุ้นเดิม) ราคาหุ้นละ 96.50 บาท มูลค่า 97,559 ล้านบาท และทำคำเสนอซื้อหุ้น GLOW ที่เหลืออีก 30.89% (รวมทั้งหมด 100%) ทำให้ต้องใช้เงินซื้อกิจการครั้งนี้ 141,166 ล้านบาท


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

จากความชัดเจนกรณี บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ทุบโต๊ะซื้อหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW จำนวน 69.11% จากกลุ่ม Engie Global Developments B.V. (ผู้ถือหุ้นเดิม) ราคาหุ้นละ 96.50 บาท มูลค่า 97,559 ล้านบาท และทำคำเสนอซื้อหุ้น GLOW ที่เหลืออีก 30.89% (รวมทั้งหมด 100%) ทำให้ต้องใช้เงินซื้อกิจการครั้งนี้ 141,166 ล้านบาท

โดย GPSC ระบุว่า จะใช้เงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน 142,500 ล้านบาท อายุไม่เกิน 12 เดือน เพื่อรองรับการเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ โดยหนึ่งในเงื่อนไขสินเชื่อระยะสั้นกำหนดให้ GPSC ต้องปรับโครงสร้างเงินทุน เบื้องต้นอาจพิจารณาเพิ่มทุน 74,000 ล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้ วงเงินรวมไม่เกิน 68,500 ล้านบาท เพื่อมาชำระคืนหนี้ระยะสั้น 142,500 ล้านบาท ดังกล่าว

กรณีดีลดังกล่าว เกิดการวิพากษ์-ตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบกันอย่างกว้างขวางว่า “ดีลนี้คุ้มกับเงินลงทุนหรือไม่..หรือดีลนี้อาจได้ไม่คุ้มเสียหรือเปล่า.!?

เริ่มต้นจากราคาซื้อ GLOW ราคาหุ้นละ 96.50 บาท แพงไปหรือไม่ เรื่องนี้มีข้อถกเถียงกันมากว่า GPSC ใช้หลักการอะไรในการกำหนดราคาซื้อหุ้น เมื่อดูราคาพื้นฐานจากโบรกเกอร์ทุกแห่งเฉลี่ยให้อยู่ที่ 88 บาท (จาก 80-104 บาท) หากอิงตามนี้ ต้องถือว่าต่ำกว่าราคาที่ GPSC รับซื้อและเทนเดอร์อย่างมีนัยสำคัญ

อีกนัยยะหนึ่ง GLOW ราคาตามมูลค่าทางบัญชี (Book Value) ล่าสุด 35.54 บาท หากเทียบราคารับซื้อ 96.50 บาท ถือว่าเกือบ 3 เท่าของราคาตามมูลค่าทางบัญชีเลยทีเดียว..นั่นหมายถึงการซื้อครั้งนี้นอกจากไม่มีส่วนลด (Discount) แล้ว ยังมีส่วนเพิ่มพิเศษ (Premium) เพิ่มให้อีกหรือไม่.!?..ใครตอบได้ช่วยตอบที..!??

ตามมาด้วยเรื่องเงินกู้ระยะสั้น 142,500 ล้านบาท (12 เดือน) แลกกับเงื่อนไขการเพิ่มทุน 74,000 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้ 68,000 ล้านบาท..คุ้มกันหรือไม่.!?

ดูจากเบื้องต้นเงินกู้ 142,500 ล้านบาท หากคิดดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (ผู้ถือหุ้นใหญ่ชั้นยอด) เฉลี่ยประมาณ 6% เท่ากับว่า GPSC มีภาระดอกเบี้ยถึง 8,400 ล้านบาท (เกือบเท่ากับกำไร GLOW ตลอดทั้งปี) ที่สำคัญอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ระยะสั้นเพิ่มเป็น 2-3 เท่า จากเดิมเฉลี่ย อยู่เพียง 0.5 เท่า..มากเกินไปหรือไม่..!?

แต่ที่ “บาดอก หนักใจ” ผู้ถือหุ้นรายย่อย GPSC มาเป็นพิเศษ คือ เรื่องเพิ่มทุน 74,000 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 14,983 ล้านบาท หรือเพิ่มทุนเกือบ 5 เท่าตัว นั่นหมายถึงผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทำให้เกิด Dilution Effect สูงสุด 40-50%

หากมองโอกาสทางธุรกิจ เมื่อได้ GLOW เข้ามา ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้ารวมของ GPSC เพิ่มขึ้นจาก 1,922 เมกะวัตต์ เป็น 4,129 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 150% หากมองแบบชั้นเดียวเชิงเดียว ถือว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว แต่นัยสำคัญอยู่ตรงที่โรงไฟฟ้าของ GLOW ที่หลายคน..ลืมตั้งคำถามไปว่า “โรงไฟฟ้าแต่ละแห่งเหลืออายุสัญญาขายไฟอยู่อีกกี่ปี” หรือที่กำลังหมด ได้เตรียมการอะไรไว้แล้วหรือไม่

ที่หนักไปกว่านั้น GLOW ไม่มีโครงการลงทุนใหม่ในมือเลย ทำให้มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นกับ GPSC หลังจากการเข้าซื้อ GLOW แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย คงต้องกินบุญเก่าไปพลางก่อนใช่หรือไม่..!?

จากกรณีวิพากษ์ที่เกิดขึ้นนี้..ไม่มีใครตอบได้ดีเท่ากับ “ผู้บริหาร GPSC เอง..แต่จะเมื่อไหร่..ก็ไม่รู้ซินะ..!?

…อิ อิ อิ..

Back to top button