พาราสาวะถี
ช่วงนี้คงกำลังเพลินกับการดีดลูกคิดคำนวณตัวเลขจากพลังดูดกันอยู่ว่า อดีตส.ส.เกรดเอที่พรรคพลังประชารัฐ ใช้วิทยายุทธ์ของ “กลุ่มสามมิตร” เดินสายไปดึงอดีตส.ส.เกรดเอของพรรคนายใหญ่มานั้น มีจำนวนเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ของฟรีตีกินกันนิ่ม ๆ แน่นอน จำนวนอดีตส.ส.ที่เพิ่มมากขึ้น หมายถึงกระสุนดินดำที่จะต้องจ่ายเป็นค่ารับประกันการแปรพักตร์ด้วย
อรชุน
ช่วงนี้คงกำลังเพลินกับการดีดลูกคิดคำนวณตัวเลขจากพลังดูดกันอยู่ว่า อดีตส.ส.เกรดเอที่พรรคพลังประชารัฐ ใช้วิทยายุทธ์ของ “กลุ่มสามมิตร” เดินสายไปดึงอดีตส.ส.เกรดเอของพรรคนายใหญ่มานั้น มีจำนวนเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ของฟรีตีกินกันนิ่ม ๆ แน่นอน จำนวนอดีตส.ส.ที่เพิ่มมากขึ้น หมายถึงกระสุนดินดำที่จะต้องจ่ายเป็นค่ารับประกันการแปรพักตร์ด้วย
จากตัวเลขที่ปรากฏเป็นข่าว 30-50 ล้านบาทแล้วแต่ความยากง่าย จึงไม่อยากคิดต่อว่าถ้าต้องกวาดต้อนกันเอาเบาะ ๆ แค่สัก 200 เขตเม็ดเงินสำหรับซื้อตัวนั้นมีขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท ยังไม่นับเรื่องของการยิงกระสุนไปสู่คนที่หย่อนบัตร แม้จะใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้อใจไว้ล่วงหน้าผ่านสารพัดโครงการประชานิยมจำแลงแล้วก็ตาม
ตัวเลขที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีการระดมทุน 4 หมื่นล้านบาท จึงน่าจะเป็นอะไรที่มีมูลอยู่ไม่น้อย แต่นี่ก็คือต้นทุนที่ถือว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มสำหรับคนที่ต้องการหวนกลับมายึดครองอำนาจบริหารประเทศตามทิศทาง แนวทางที่ตัวเองได้วางไว้ เมื่อใส่ตะกร้าล้างน้ำชำระคราบไคลเผด็จการไปแล้ว กลับมาใหม่ในคราบของคนผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าจะเกิดการถอนทุนเหมือนพวกนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวทำกันหรือไม่
แต่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองเสียแล้ว มิหนำซ้ำ ยังได้วางแนวทางทุกอย่างไว้ให้ตัวเองผ่านค่ายกลของเนติบริกร จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครกล้าแหยมมาตรวจสอบ ถึงแม้ว่าจะไม่มีมาตรา 44 แต่ยังมีบุญคุณที่อุ้มสมกันมาสำหรับกรรมการในองค์กรอิสระซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการป้องกันและปราบปรามทุจริตทั้งหลาย จะมีใครหน้าไหนกล้าเอาผิดผู้มีพระคุณ
มาถึงตรงนี้ประเภทที่ห่วงว่าจะเกิดกระแสลุกฮือต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะเผด็จการนั้น หากเป็นเมื่อก่อนต้องยอมรับกันว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่ในบริบทปัจจุบันทั้งความเข้มแข็งของภาคประชาชน และความสนใจปัญหาบ้านเมืองหรือการเมืองของคนชนชั้นปัญญาชน ไม่อาจจะฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ขณะเดียวกันฝ่ายกุมชะตากรรมของประเทศก็ยังถือครองอำนาจอยู่เต็มมือ
ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายพิเศษหรือมาตรายาวิเศษอย่างม. 44 แค่เท่านี้ก็สามารถสะกดทุกขบวนการเคลื่อนไหวได้อยู่หมัดอยู่แล้ว ไม่ต้องไปถามถึงเรื่องผลงานก็จะหน้าทนทู่ซี้ ชูตัวเลขทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ขยันโปรโมตกันเต็มที่ ทำให้ฐานที่สนับสนุนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบในแง่ของปากท้องพอใจและไร้ปฏิกิริยาต่อต้านอยู่แล้ว
ส่วนพวกรากหญ้า คนหาเช้ากินค่ำ แม้จะลำบากขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้าที่จะหือหรือลุกขึ้นมาต่อต้านขับไล่คณะเผด็จการ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดได้ใจ ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะมีทุกอย่างพร้อมอยู่ในมือ ยิ่งถ้าทำลายฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยได้สำเร็จ ยิ่งไม่ต้องห่วงหรือกังวลอะไรอีกต่อไป ส่วนข้อครหาต่าง ๆ แค่แกล้งเฉไฉขู่ตะคอกนักข่าวรายวันเท่านี้ก็กำราบกันอยู่หมัดแล้ว
เพราะเห็นแล้วว่าวิธีการของคณะเผด็จการคสช.ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองที่ตัวเองเคยกล่าวหาทั้งเป็นพวกกังฉินซื้อสิทธิ์ขายเสียงหรือเผด็จการรัฐสภา วันนี้ จึงได้เห็นและได้ยิน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาถามหาจุดยืนทางการเมืองในเรื่องดูดส.ส.จากผู้นำเผด็จการ ถ้าเห็นดีเห็นงามด้วย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึงขั้นแนะนำให้เลิกพูดเรื่องการปฏิรูปและธรรมาภิบาลไปเลย
จะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ เมื่อเส้นทางการก้าวสู่อำนาจของคณะเผด็จการอภิสิทธิ์และพวกพรรคเก่าแก่ก็มีส่วนอย่างสำคัญในการเปิดทางเพื่อให้มีการล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ที่ชูเรื่องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง มาถึงตรงนี้ไม่ทราบนี่คือแนวทางที่คนอย่างเทพเทือกต้องการใช้หรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินในการดูด ใช้อำนาจรัฐในการบังคับกดดันให้เกิดการย้ายพรรค เรียกว่าสารพัดวิธีการที่งัดมาใช้กันนั้น นักการเมืองคนดีอย่างเทพเทือกเคยแสดงความรังเกียจในช่วงเป่านกหวีดมิใช่หรือ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ น่าที่จะแสดงข้อคิดความเห็นเพื่อเป็นการสะกิดให้ท่านผู้นำได้คิดเสียหน่อยกระมัง หรือช่างศีรษะมัน เพราะบรรดาข้อเรียกร้องทั้งหลายแหล่ก่อนหน้านั้น มันก็แค่การอุปโลกน์เพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อวิกฤติเทียมเท่านั้นเอง
เลิกเหนียมกันได้แล้วและถือเป็นการส่งสัญญาณกันแบบโต้ง ๆ เมื่อล่าสุด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อ้างเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนคิดและริเริ่ม ดังนั้น จึงสมควรที่จะได้รับโอกาสอยู่บริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปี หากมีพรรคการเมืองใดมาเชื้อเชิญ เรียกว่าเปิดหน้าสร้างความชอบธรรมกันเลยทีเดียว
ประสาคนทั่วไปก็อาจจะบอกว่าพูดเอาแต่ได้ แต่ประสาเผด็จการที่มุ่งสืบทอดอำนาจคงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่สนเสียด้วยซ้ำไปว่าที่มาของตัวเองที่มาทำเรื่องที่อ้างนั้น คือการล้มรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วสถาปนาอำนาจตัวเองขึ้นใหม่ พร้อมเขียนกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองอย่างน่าเกลียดน่ากลัว เมื่อเผยธาตุแท้มาอย่างนี้แค่ 4 ปีคงน้อยไป ขออยู่กันยาว ๆ ถึง 20 ปีไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด ส่วนจะปกครองอย่างไร ก็ให้เนติบริกรช่วยคิดหาวิธีใช้อำนาจพิเศษที่จะสะกดเสียงต้านและปิดหูปิดตาปิดปากกระบวนการตรวจสอบทั้งปวง
หากคิดจะมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ประเภทโทษคนอื่นโยนความผิดให้สื่อก็เลิกทำเสีย แล้วทำตัวให้เป็นนักการเมืองที่เคยชินกับระบบตรวจสอบหรือวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่คงทำยากมิเช่นนั้นพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์คงไม่หลุดปาก “เฮงซวย” สวดนักข่าว ในทำนองว่ามุ่งแต่จะเสนอประเด็นคนไปตะโกนด่า ต่อต้านบิ๊กตู่ที่อังกฤษ แต่พอคนไปรับและสนับสนุนไม่ให้มีข่าวให้ชื่นใจ นี่แหละนิสัยเผด็จการสุดขั้ว
ส่วนการนัดหารือกับพรรคการเมืองของพี่ใหญ่ เคาะแล้วคือวันจันทร์ที่ 25 มิถุนายนนี้ ชัดเจนว่าเพื่อรับฟังเสียงสะท้อนต่อปัญหาที่พรรคการเมืองพบ และจะมีการแจ้งข่าวการคลายล็อกบางประการ เพื่อให้พรรคการเมืองเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งได้ แต่วงหารือนี้แค่นัดแรก ยังมีอีกนัดที่หัวหน้าคสช.จะนั่งหัวโต๊ะเองคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังร่างกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.และการเลือกตั้งส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเวลานั้นคงเป็นช่วงเวลาที่จะประกาศปลดล็อกทั้งหมด