พาราสาวะถี
บรรยากาศคงเป็นไปด้วยความคึกคัก สำหรับการนัดหารือระหว่างคสช.กับพรรคการเมืองในวันนี้ แต่ผลที่จะออกมาคงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เหมือนอย่างที่ ศุภชัย ใจสมุทร จากค่ายภูมิใจไทย ดักคอไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องเตรียมอะไรนำไปเสนอ เพราะปัญหาก็อย่างที่รู้ ๆ เหมือนกันทุกพรรคการเมือง เรื่องทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ใช่อยู่ที่ผู้จะต้องทำตามกฎหมาย แต่มันอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่างหาก
อรชุน
บรรยากาศคงเป็นไปด้วยความคึกคัก สำหรับการนัดหารือระหว่างคสช.กับพรรคการเมืองในวันนี้ แต่ผลที่จะออกมาคงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เหมือนอย่างที่ ศุภชัย ใจสมุทร จากค่ายภูมิใจไทย ดักคอไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องเตรียมอะไรนำไปเสนอ เพราะปัญหาก็อย่างที่รู้ ๆ เหมือนกันทุกพรรคการเมือง เรื่องทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ใช่อยู่ที่ผู้จะต้องทำตามกฎหมาย แต่มันอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่างหาก
“ปลดล็อก” คงไม่เกิดขึ้น เพราะเนติบริกรผลิตวาทกรรมมาให้ใช้แล้วว่า ผลจากการคุยกันรอบนี้จะมีการ “คลายล็อก” ให้พรรคการเมืองหาสมาชิกพรรคได้ ประชุมพรรคได้ แต่ไม่ใช่การเปิดให้ดำเนินกิจกรรมได้ตามใจฉัน ขยักนั้นเก็บไว้รอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่จะมาสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวปลดล็อกให้พรรคได้ทำกิจกรรมกันเต็มที่ หลังจากร่างกฎหมายส.ส.และส.ว.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
เหมือนอย่างที่ทายไว้ก่อนหน้า ช่วงเวลาที่แต่ละพรรคจะได้เริ่มทำกิจกรรมเตรียมความพร้อมเข้าสู่โหมดเลือกตั้งคือ จังหวะที่กฎหมายเลือกตั้งส.ส.อยู่ระหว่างรอการบังคับใช้ 90 วัน ไม่ว่าจะการทำไพรมารีโหวต (ถ้าไม่มีการยกเลิก) และการเตรียมการด้านต่าง ๆ เพราะเอาเข้าจริงพรรคที่จะมีปัญหากว่าใครเพื่อนคงหนีไม่พ้นพรรคเกิดใหม่ โดยเฉพาะพรรคที่เป็นตัวแทนของคสช.
ส่วนการหย่อนบัตรเลือกตั้ง คงไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว แม้สองพรรคอย่างเพื่อไทยและอนาคตใหม่ไม่ได้เข้าร่วมวงหารือกับคสช. ก็ไม่ใช่เหตุที่จะนำไปเป็นข้ออ้างในการเลื่อนโรดแมป เพราะท่านผู้นำได้ไปชี้แจงและยืนยันกับทาง เทเรซา เมย์ ผู้นำอังกฤษ พร้อมบอกกับคนไทยในลอนดอนแล้วว่า การเลือกตั้งของไทยจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ไม่เพียงเท่านั้น ยังย้ำอีกว่าเมื่อเลือกตั้งส.ส.เสร็จแล้วมีรัฐบาลใหม่ นับไปอีก 3 เดือนก็จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ต้องมานั่งลุ้นกันอีกว่าเลือกตั้งแบบไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน แต่สิ่งที่ท่านผู้นำยังย้ำอยู่แบบนกแก้วนกขุนทองก็คือ การไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม เพราะกลัวว่าจะไปทะเลาะ ขัดแย้งกันจนวุ่นวายกลับไปเหมือนเดิมก่อนที่ตัวเองจะเข้ามายึดอำนาจอีก
ถือเป็นความวิตกกังวลของคนที่อาสาเข้ามาดูความเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่เพียงเท่านั้นยังอุตส่าห์หวังดีคิดยุทธศาสตร์ชาติเป็นของแถมให้อีก 20 ปีรวมถึงการปฏิรูปด้านต่าง ๆ แต่มันมาทำให้คนเสียความรู้สึกก็ตรงที่ ความหวังดีดังว่าไม่ได้ให้แบบฟรี ๆ เพราะ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ บอกว่าบิ๊กตู่เป็นคนคิดและริเริ่มทำ ดังนั้น จึงต้องขออยู่สานงานต่ออีกสัก 4 ปีเป็นอย่างน้อย
แหม ! ถ้าคิดออกมาดัง ๆ อย่างนี้เสียตั้งแต่ต้น ทางที่ดีก็ตั้งแต่ก่อนจะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะจะได้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจของประชาชน เสียดายที่ความรู้สึกช้าไปนิดหรือกลัวว่าคนเขาจะรู้ทัน ทั้ง ๆ ที่เขารู้กันมาตั้งนานแล้ว เพราะเห็นจากที่ทำกันมา มันไม่มีสิ่งไหนเลยที่บ่งบอกว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ
อาจจะมีคนไทยบางพวกบางกลุ่มที่สนับสนุนและเห็นดีเห็นงามกับทุกการกระทำของคณะเผด็จการคสช. แต่สำหรับคนจำนวนไม่น้อยและสื่อต่างชาติเองไม่ได้คิดเช่นนั้น เหมือนอย่าง นิตยสารไทม์ ที่เตรียมจะขึ้นปกเป็นภาพของพลเอกประยุทธ์ในฉบับวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ที่ชี้ว่า อนาคตของประเทศไทยยังคงมืดมัว เมื่อยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยอย่างรุนแรง ทั้งการจับกุมผู้ชุมนุม การตัดสินคดีในศาลทหาร การข่มขู่ผู้สื่อข่าว
และยังระบุว่า พลเอกประยุทธ์ไม่สนใจความต้องการของประชาชน ใช้วิธีแก้ปัญหาผ่านรายงานในช่วงเย็นที่สร้างความงุนงง อย่างการแก้ปัญหาความยากจนด้วยการทำงานหนัก หรือเลี่ยงการเป็นหนี้ด้วยการหยุดช็อปปิ้ง รวมถึงกล่าวอ้างถึงการใช้ศาสตร์มืดจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง แถมยังมีภาพนายกรัฐมนตรีพูดคุยกับกบ นอกจากนี้ ยังแต่งเพลงที่ท่านผู้นำระบุว่าใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารถึงประชาชนด้วย
ไทม์ระบุอีกว่า พลเอกประยุทธ์พยายามที่จะสร้างระบบทางการเมืองใหม่เพื่อแสดงให้ภายนอกเห็นว่าคืนประชาธิปไตยสู่ประเทศ ทว่านั่นก็ยังคงหมายถึงการยังคงไว้ซึ่งอำนาจของกองทัพ ขณะที่นักเคลื่อนไหวในไทยยังรู้สึกห่างไกลจากการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะในเวลาที่นักเคลื่อนไหวถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหารุนแรงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้นิตยสารไทม์ยังเปรียบพลเอกประยุทธ์เป็นสฤษดิ์น้อย เพราะมีคุณลักษณะบางประการที่คล้ายกับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทยด้วย แต่เหล่านี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ปูทางการสืบทอดอำนาจไว้อย่างแยบยลแล้ว เหลือเพียงแค่การเปิดหน้าเป็นเจ้าของพรรคการเมืองเพื่อแสดงเจตนาที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้งให้ดูเหมือนว่าเล่นกันแฟร์ ๆ เท่านั้นเอง
ขณะที่ฝ่ายถูกดูดอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ถือโอกาสประกาศในงานเลี้ยงวันเกิดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ร้านอีสานเขียวในลอนดอนว่า เพื่อไทยจะเขียวทั่วอีสาน ก่อนจะตามมาด้วยบทสัมภาษณ์ผ่านบีบีซีไทย แสดงความมั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยชนะที่หนึ่งแน่นอน ด้วยความเชื่อที่ว่าฐานเสียงของพรรคและคนรักทักษิณทั้งภาคเหนือและอีสานไม่เปลี่ยนความคิด แม้จะมีความพยายามยัดเยียดสารพัดโครงการลดแหลกแจกแถมเพื่อซื้อใจประชาชนก็ตาม
โอกาสนี้ น่าจะเป็นการส่งสารกลับมายังอดีตส.ส.ที่คิดจะตีจากอันเนื่องมาจากพลังดูดด้วยการบอกอย่างเข้าใจถึงเงื่อนไขที่ถูกใช้ในการดึงตัวไปอยู่ฝ่ายกุมอำนาจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไล่ส่งคนเหล่านั้น พร้อมกับแสดงท่าทีอันแข็งกร้าวด้วยว่า ถ้ามีคนเก่าไป เพื่อไทยจะได้คัดนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง งานนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนสื่อสารกันตรงไปตรงมา ใครอยากอยู่ก็อยู่อยากไปก็ไป เป็นการให้ข่าวสู้พลังดูดของคนที่ได้ชื่อว่ากูรูด้านการตลาดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของทักษิณอาจจะดีต่อพรรคเพื่อไทยในแง่ของความรู้สึก แต่คนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงการที่จะถูกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหยิบยกเอาเรื่องนี้ไปตีความให้เกิดปัญหาต่อพรรคก่อนการหย่อนบัตรเลือกตั้ง นี่คือปัญหาชีวิตของพรรคนายใหญ่ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้าง และก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนถูกดูดใช้ประกอบการตัดสินใจและจะใช้ชี้แจงประชาชนเวลาหาเสียงด้วย