1,600 แนวเด้งกลับ
*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างเป็นระบบระเบียบจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยมักมีอะไรที่ฝืนธรรมชาติเป็นประจำ จนทำให้การลงทุนเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ เพราะบางเรื่องควรปล่อยให้สะเด็ดน้ำเสียก่อน แต่มักจะมีอะไรบางอย่างทำให้เชื่อว่า ปัญหาหลายอย่างจบแล้ว! สุดท้ายเลยทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแย่ลงกว่าเดิมไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอย่างเป็นระบบระเบียบจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยมักมีอะไรที่ฝืนธรรมชาติเป็นประจำ จนทำให้การลงทุนเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ เพราะบางเรื่องควรปล่อยให้สะเด็ดน้ำเสียก่อน แต่มักจะมีอะไรบางอย่างทำให้เชื่อว่า ปัญหาหลายอย่างจบแล้ว! สุดท้ายเลยทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแย่ลงกว่าเดิมไงล่ะคะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ให้ความสนใจจุดเด้งกลับของดัชนีแต่ละบริเวณมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเครื่องมือเดียวที่ทำให้รู้ว่า แรงซื้อที่เข้ามาในแต่ละวันเป็น “ของจริง” หรือ “ของปลอม” เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับปัจจัยต่างประเทศที่มีแต่เรื่องร้าย ๆ ยิ่งทำให้เห็นการดีดตัวของตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ก็เป็นเพียงแค่ “ขึ้นเพื่อลง” นะจะบอกให้
*ตรงนี้กลายเป็นข้อสังเกตที่แฟนคลับต้องมองให้ออกสักทีว่า การทรุดตัวลงมาถึงระดับ 1,608.24 จุด ซึ่งใกล้กับแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด ต่อจากนั้นมีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนดันดัชนีขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,629.02 จุด ก่อนจะปิดที่ระดับ 1,623.98 จุด บวกไป 1.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.86 หมื่นล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องลุ้นระทึกมากขึ้นทุกวัน เพราะยังมองไม่เห็นตัวแปรที่ทำให้ดัชนียืนหยัดได้อย่างมั่นคงนะซี
*ประเด็นดังกล่าวดูได้จากหุ้น AOT มีทุกอย่างเพียบพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของบริษัท และตัวเลขกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ไม่อาจหยุดยั้งแรงเทขายที่ไหลออกมาได้ “โมนิก้า” ถึงมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า การทิ้งหุ้นรอบนี้เป็นเรื่องของเงินไหลออกจากตลาดหุ้นมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ จึงเห็นหุ้นลงมานอนนิ่งอยู่ที่ระดับ 64 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.13 พันล้านบาท กลายเป็นไฟต์บังคับที่หุ้นต้องปิดไม่ต่ำกว่าราคาวานนี้ เพื่อรักษาทรงหุ้นไม่ให้เสียนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ WHAUP ทิ้งตัวลงจากระดับ 7 บาทแบบไม่มีดิสก์เบรก จนวานนี้ลงมายืนที่ 5.90 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ต้องลุ้นหนักจริง ๆ เพราะหุ้นกำลังไหลลงไปหาแนวรับ 5.50 บาท ซึ่งเป็นจุดที่บีบบังคับให้หุ้นต้องเด้งกลับ เพื่อรักษาแพตเทิร์นการเคลื่อนตัวแบบ W-Shape เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นจับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดีไงล่ะคะ
*หากมองภาพของหุ้นที่เสียทรงไม่ออก “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันมามองพ่อดอกมะลิ JAS เพื่อเป็นการย้ำหัวหมุดการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ต้องมีวินัยในการลงทุนที่เคร่งครัด เพราะหุ้นรูดลงหลุดแนวรับ 8 บาท..แล้วเด้งกลับขึ้นไปใหม่ ต่อจากนั้นก็ไหลลงจนหลุด 7 บาท..แล้วลงมาสร้างฐานแถว 6 บาท ขณะที่ล่าสุดไหลรูดจนหลุด 5 บาท ลงมาปิดที่ราคา 4.78 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่า 477 ล้านบาท มันเป็นช็อตของความทุกข์ระทมนะเนี่ย!
*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการอ่อนตัวของน้องสวย BEAUTY จนมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นโงหัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง วานนี้ถึงเป็นอีกครั้งที่หุ้นทรุดตัวลงต่อ ก่อนจะปิดเกมไปที่ระดับ 14.40 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 1.60 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่อันตรายมาก ๆ สำหรับพวกแมงเม่าปีกอ่อน เพราะหุ้นเสียทรงไปแล้ว คงไม่กลับมาง่าย ๆ หรอกคะ
*ส่วนรายที่กลับมาด้วยความหวังอย่างเช่นหุ้น AKR ก็เป็นช็อตที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้ามือทำหน้าที่ได้ดีมาก ๆ หุ้นถึงไม่เสียศูนย์เมื่อโดนเขย่าแรง ๆ วานนี้เลยเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 1.69 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นช็อตของการปั่นกระแสเพียว ๆ เพราะยังมองไม่เห็นโอกาสที่บริษัทจะเติบโตแบบยั่งยืนพะยะค่ะ
*คล้ายกับกรณีของ TRC ถูกถล่มเทขายแบบไม่มีเยื่อใยเป็นเวลายาวนาน “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องทบทวนความหลังกันมากหน่อย เพื่อทำให้นักเล่นได้รู้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของหุ้นตัวนี้แบบจัดเต็ม เพราะเมื่อย้อนกลับไปในช่วงกลางปี 2560 หุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 1.20 บาท พอถึงช่วงกลางปี 2561 หุ้นลงมายืนอยู่ที่ 0.47 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไปอีก 7.80% ด้วยแรงขายที่ออกมาเนือง ๆ เมื่อรวมเบ็ดเสร็จหุ้นร่วง 60% มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริง ๆ เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ DELTA กลางปีก่อนยืนต้านแรงขายอยู่ที่ 87 บาท มาวันนี้หุ้นลงมายืนอยู่ที่ 56.75 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4.60% ซึ่งเมื่อรวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จครบกระบวนการ หุ้นปรับตัวลงมาทั้งสิ้น 30% แถมมีทิศทางอ่อนตัวลงต่อแบบนี้ “โมนิก้า” ขอถามนิดหนึ่งว่า ยังมีใครกล้าเข้าไปช้อนหุ้นตัวนี้อีกไหม? ถ้ามี..ขอให้ยกมือแสดงตัวหน่อย เพื่อจะได้ทำเหรียญกล้าหาญมอบไว้เป็นที่ระลึก..อิอิอิ
*ส่วนรายที่น่าเก็บมากเหลือเกินในช่วงนี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยังหุ้นลีสซิ่งยอดนิยม SAWAD หลังหุ้นทิ้งตัวลงมากเกินไป จนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูล “แก้วบุตตา” ต้องรีบควักเงินช้อนหุ้นในกระดานเก็บเข้าพอร์ต 18.19 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินมากถึง 653 ล้านบาทแบบนี้..แสดงว่าของเขาต้องดีจริง! และเมื่อคิดบนตรรกะแบบเส้นตรงเรื่องกำไรต่อหุ้นปี 2561 อยู่ในระดับ 2 บาท เทียบกับค่าพี/อี 20 เท่า ราคาเป้าปีนี้ไม่ควรต่ำกว่า 40 บาท ขณะที่ราคาวานนี้ยืนอยู่ที่ 30.75 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166 ล้านบาท..มันต้องซื้อลูกเดียวใช่ไหมเอ่ย?