สังคมข่าวหุ้น
*ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,618.66 จุด ปรับลดลง 5.32 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.2 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
*ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,618.66 จุด ปรับลดลง 5.32 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.2 หมื่นล้านบาท
* ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะเผชิญปัจจัยภายนอกกดดันต่อเนื่อง แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วปัจจัยภายในประเทศยังมีสตอรี่เชิงบวกมาช่วยหนุนค้ำเรื่อย ๆ เหมือนกัน เช่น กรณีล่าสุดสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ (สทท.) ออกมาคาดการณ์ว่า ปีนี้มีโอกาสได้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทะยานเฉียด 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 11% จากช่วงปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า ภาคท่องเที่ยวไทยยังเดินหน้าต่อไปได้ดีและถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศมหาศาล ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ไม่น้อยหน้า ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ทั้งในไทยและส่งออกยังคงเติบโตต่อเนื่อง จนมีการประเมินแล้วว่า ปี 2561 เราอาจได้เห็นยอดผลิตรวมทั้งระบบพุ่งสู่ระดับ 2 ล้านคันเลยทีเดียว
* ถ้าเราลองมองภาพทั้ง 2 อุตสาหกรรมที่ผู้เขียนกล่าวมา จะเห็นได้ชัดว่า 2 เซกเตอร์นี้ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองระดับรากฐานของเศรษฐกิจไทย และยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคหรือโอกาสของผู้ประกอบการที่จะได้รับผลบวก จึงเท่ากับตลาดหุ้นไทยตอนนี้ไม่ได้หมดสิ้นปัจจัยบวกไปเสียทีเดียว แต่ต้องยอมรับว่าปัจจัยลบภายนอกในขณะนี้มีน้ำหนักแรงมากกว่า ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการ “ถือเงินสด” เป็นหลักเพื่อรอให้ภาวะฝุ่นตลบจางหายไปก่อน เพราะบอกตรง ๆ แนวรับระดับ 1,600 จุด “ยังไม่น่าไว้วางใจ”
* เอาล่ะไหน ๆ พูดถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้วเลยขอแวะมาที่หุ้นกลุ่มนี้กันหน่อย ด้วยปัจจัยบวกข้างต้นย่อมส่งผลดีโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มโรงแรมชัดเจน และขอเลือกโฟกัสไปที่หุ้น ERW ซึ่งงบไตรมาสแรกที่ผ่านมามีกำไรดำเนินงานสูงถึง 475 ล้านบาท โตขึ้นถึง 26% จากปีก่อน ขณะที่รายได้ธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 1,719 ล้านบาท โตขึ้น 10% จากปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า ERW ขณะนี้มีความสามารถทำอัตรากำไรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต เป็นผลมาจากธุรกิจโรงแรมบริหารงานได้เกิดประสิทธิภาพและมีลูกค้าใช้บริการหนาแน่น ทำให้ช่วงไตรมาส 2 ถึงแม้เข้าสู่โลว์ซีซั่นแต่ด้วยโมเมนตัมธุรกิจที่ยังเด่นบวกกับตัวเลขนักท่องเที่ยวโต จะกลายเป็นขุมพลังสำคัญผลักดันให้งบออกมาสดใส ล่าสุด หุ้นซื้อขายกันที่เพียง 6.80 บาท ถือเป็นโอกาสดีเข้าสะสมได้
* หุ้น LH หลังจากที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ “อนันต์ อัศวโภคิน” ประกาศทำเทนเดอร์หุ้นบริษัท 10% ส่งผลให้หุ้นกลับมาคึกคักมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขั้นต่ำตกวันละกว่า 6 ร้อยล้านบาท ประเด็นเทนเดอร์นี้ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้น LH มากนะ เพราะเคาะรับซื้อหุ้นไว้สูงกว่าราคากระดานถึง 11.80 บาท แล้วยังช่วยคลายความกังวลกรณีทาง GIC (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3) อาจขายหุ้นออกมาในอนาคต หลังจากงวดเดือน ก.พ. ได้สาดขายผ่านบิ๊กล็อตไปแล้ว 8% คงเหลือในมืออีก 8% ตรงนี้แหละเลยกลายเป็นประเด็นกดดันหุ้น LH ช่วงที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนหวั่นเกรงว่า ไม่รู้ GIC จะไปตัดสินใจขายหุ้นออกมาอีกตอนไหน แต่พอเกิดดีลเทนเดอร์เกิดขึ้นมา เชื่อได้เลยว่า ทาง GIC มีโอกาสตอบรับคำเสนอซื้อด้วยแน่นอน (แต่จะได้สิทธิขายเท่าไหร่นั่นอีกเรื่อง) เนื่องจากราคาเทนเดอร์จูงใจและมากกว่าสมัยทำบิ๊กล็อตรอบที่แล้ว ซึ่งขายไปในราคา 10.90 บาท และอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กรณีที่นายอนันต์ตัดสินใจใช้เงินมหาศาลถึง 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อทำเทนเดอร์ แสดงว่า ต้องเล็งเห็นอะไรบางอย่างในหุ้น LH แน่นอน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องผลการดำเนินงานโตได้โดดเด่นหรืออาจมีโอกาสจ่ายเงินปันผลสูงเป็นพิเศษหรือเปล่า?? (ย้ำว่าสูงพิเศษ ไม่ใช่จ่ายปันผลพิเศษ) เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 ทาง LH จะบันทึกรายการพิเศษขายโครงการอพาร์ตเมนต์เข้ามา งานนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ดีลเทนเดอร์หวังเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นธรรมดาเหมือนที่หลายคนคิด จึงขอฝากให้นักลงทุนจับตาดูไว้ด้วย