เหยื่อของความปลอดภัย
1 เดือนที่ผ่านมา ความเชื่อถือเก่า ๆ ที่บอกว่า ทองคำเป็น “สินทรัพย์หลบภัยชั้นยอด” (the best safe haven) ทำให้นักเก็งกำไรราคาทองคำแท่งขาดทุนหรือติดยอดดอยกันถ้วนหน้า เมื่อราคาทองคำร่วงสวนดอกเบี้ยและค่าดอลลาร์สหรัฐต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล
1 เดือนที่ผ่านมา ความเชื่อถือเก่า ๆ ที่บอกว่า ทองคำเป็น “สินทรัพย์หลบภัยชั้นยอด” (the best safe haven) ทำให้นักเก็งกำไรราคาทองคำแท่งขาดทุนหรือติดยอดดอยกันถ้วนหน้า เมื่อราคาทองคำร่วงสวนดอกเบี้ยและค่าดอลลาร์สหรัฐต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก กลายเป็นเหยื่อของ “ความรู้สึกปลอดภัย” ของนักลงทุนในตลาดแล้วปิดร่วงลงต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันพุธดีดตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเช่นหุ้นแทน
นอกจากนี้ ยังมีคำอธิบายอีกว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง
แรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งโดยปกติแล้ว จะวิ่งสวนทางกับราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ แต่ช่วงนี้ ราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำมีทิศทางที่ไม่ปกติเท่าใดนัก จากรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งบริษัทพลังงานทั่วโลก ยุติการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย.นี้ มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตร
ราคาทองคำที่ปีนี้มีชะตากรรมแตกต่างจากปีก่อน ในเวลาเดียวกันยามนี้ ซึ่งเป็นจังหวะขาขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการขายทิ้งทองคำในมือของกองทุน SPDR (เรียกง่าย ๆ ในตลาดว่า ไอ้แมงมุม หรือ Spiders) ในฐานะผู้ค้ารายใหญ่สุดในตลาดทองคำโลกปัจจุบัน
การที่องค์กรที่ทรงอิทธิพลอย่าง SPDR ซึ่งมีน้ำหนักในฐานะดัชนีชี้นำที่สำคัญที่นักลงทุนร่วมสมัยในตลาดทองคำล่วงหน้าใช้เป็นตัวชี้ถึงทิศทางในอนาคตของราคาทองคำ มีพฤติกรรมปล่อยทองคำออกจากมือ ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน
ไอ้แมงมุม หรือ Spiders ในฐานะผู้ค้ารายใหญ่สุด หรือ SPDR มีชื่อเต็มในทางกฎหมายว่า SPDR Gold Shares (ชื่อเต็มคือ Standard & Poor’s Depositary Receipts) เป็นกองทุนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า exchange-traded funds (ETFs) ที่ทำการซื้อขายทำกำไรตลาดทองคำล่วงหน้ากันตามปกติเสมือนกองทุนอื่น ๆ แต่ที่ไม่เหมือนคือขนาดอันใหญ่โตนั่นเอง
SPDR เป็นกองทุนข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่มาก เคียงข้างกับกองทุน ETFs พี่น้องที่มีขนาดใหญ่กว่าคือ SPDR S&P 500 เพราะมีธุรกรรมในตลาดสำคัญของโลกที่สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียแฟซิฟิก โดยอยู่ภายใต้การบริหารของ State Street Global Advisors (SSGA) ที่เชื่อมโยงเข้ากับ Standard and Poor’s Financial Services LLC บริษัทใต้ร่มของ S&P Global Inc ที่ทรงอิทธิพลในการจัดอันดับเรตติ้งระดับโลกนั่นเอง
ฐานะของกองทุน SPDR Gold Shares ที่เป็นผู้ค้าทองคำขนาดใหญ่ด้วยสินทรัพย์ในกำมือ 3.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การขยับตัวแต่ละครั้ง มีผลสะเทือนถึงราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดทั่วโลก โดยรายงานล่าสุดของ SPDR ระบุว่า ได้กลับมาซื้อทองคำมากถึง 4.16 ตัน ดันราคาทองคำขึ้นไปสู่ระดับใหม่
เหตุผลของ SPDR ในการอ้างอิงถึงปัจจัยลบอย่าง ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ค่าดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และสงครามการค้าจีน-ยุโรป กับสหรัฐฯ การเลือกตั้งของอังกฤษ ทำให้ราคาทองคำมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถือครองเอาไว้ เป็นเหตุผลที่แปลกและย้อนแย้งในตัวเอง
แม้ในหลายปีนี้ นักวิเคราะห์ตลาดทองคำจะยอมรับสภาพว่า ตลาดทองคำในโลกร่วมสมัยมีแรงเหวี่ยงที่มากกว่าในอดีตหลายเท่า เพราะนอกเหนือจากตลาดค้าทองคำที่เป็นตลาดซื้อขายทันที ยังมีตลาดทองคำล่วงหน้ามาเพิ่มความคึกคักด้วยตลาดทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Futures ที่ไม่ได้มีการซื้อขายทองคำจริง แต่เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนเก็งกำไรสามารถใช้ทำกำไรได้ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำได้ โดยต้องแบกรับความเสี่ยงจากการคาดเดาสถานการณ์ผิดพลาดควบคู่กันไปด้วย แต่การที่มีรายใหญ่มากขายทิ้งต่อเนื่อง ยังเป็นปริศนาที่ไขหรือถอดรหัสยากมาก
ช่วงนี้ การต่อสู้ระหว่างแรงซื้อเก็งกำไรทิศทางทองคำขาขึ้นจากความตื่นกลัวของสถานการณ์ที่มีทางลบมากกว่าบวก หรือ เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรของรายใหญ่ที่ทรงอิทธิพล เป็นสถานการณ์ที่ไม่ถือว่าก้ำกึ่งกันเอาเสียเลย ถือว่าเสียดุลยภาพผิดปกติ
ความคลุมเครือและถอดรหัสตลาดไม่ออกเช่นนี้ เป็นความเสี่ยงสำหรับการเก็งกำไร เพราะการเปิดสถานะเพื่อทำกำไร และปิดสถานะลดความเสี่ยง ยังไม่ชัดเจน
ภาษิตเก่าแก่ที่ว่า “ตลาดล่วงหน้าทองคำและน้ำมัน เปรียบเสมือนหางหมาที่แกว่งไปมาเกินกว่าพื้นที่ร่างกายจริง” ค่อนข้างเป็นบทสรุปที่มีเหตุผล แต่ก็ทำให้การคาดเดาอนาคต ทำได้ยากลำบาก และไม่ได้ช่วยให้ขาดทุนลดลง หรือกำไรมากขึ้น
เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะราคาเก็งกำไรทองคำในตลาดล่วงหน้า มีช่องว่างจากราคาเพื่อนำไปสร้างประโยชน์ใช้สอยโดยแท้จริงของทองคำในฐานะวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่าง ๆ
ราคาทองคำในตลาดล่วงหน้าปัจจุบัน จึงไม่อาจถือเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยทางเศรษฐกิจล่วงหน้าที่เปลี่ยนมือได้โดยมีความกลัวและความรู้สึกปลอดภัยในอนาคตที่เคยเชื่อถือกัน