พาราสาวะถีอรชุน

เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้มีอำนาจที่มาจากคนมีสี ซึ่งถนัดที่จะสั่งการอย่างเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับคำสั่งโต้แย้งหรือวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเป็นเช่นนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงออกอาการหงุดหงิดหัวใจอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ลดบทบาทหัวหน้าคณะรัฐประหารมาสวมหัวโขนนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ แล้วถูกติติงเรื่องการทำงานหลายครั้งหลายหน


เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้มีอำนาจที่มาจากคนมีสี ซึ่งถนัดที่จะสั่งการอย่างเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับคำสั่งโต้แย้งหรือวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเป็นเช่นนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงออกอาการหงุดหงิดหัวใจอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ลดบทบาทหัวหน้าคณะรัฐประหารมาสวมหัวโขนนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ แล้วถูกติติงเรื่องการทำงานหลายครั้งหลายหน

วันก่อนเพิ่งบ่นกับนักข่าวแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลถูกวิจารณ์ ล่าสุดในงานมอบรางวัลให้กับชาวนา องค์กรชาวนาที่ได้รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2558 ก็ตอกย้ำอีกกระทอกในประเด็น รู้ตัวดีไม่ใช่นักการเมืองแต่ต้องมาดูแลประเทศชั่วคราว ก่อนจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวไม่พอใจต่อพวกปากหอยปากปู

เพียงแต่หนนี้ฝากให้ชาวนาช่วยไปชกหน้าคนที่ชอบวิจารณ์ตามเคเบิลทีวีและเสียงตามสาย พร้อมบอกต่อว่า เป็นคนพวกที่ชอบนำชาวนามาชุมนุมและทุกครั้งแกนนำไม่เคยมีใครตาย ยังคงแสดงความเป็นคนปากไว ใจกล้าอย่างคงเส้นคงวา น่าเห็นใจที่ต้องเล่นบทดุเช่นนี้ คงเป็นเพราะรู้ดีว่าบริหารประเทศผ่านไป 1 ปี ยังไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรได้แม้แต่ตัวเดียว

โดยเฉพาะชาวนาที่ราคาข้าวตกต่ำไม่มีทีท่าว่าจะโงหัวขึ้น อาจเป็นเพราะรู้แกวเรื่องนี้กระมัง บิ๊กตู่จึงย้ำในที่ประชุมหลายรอบถึงความผิดพลาดของโครงการรับจำนำข้าว เพื่อจะเป็นการบอกกลายๆ ไม่ต้องหวังว่ารัฐบาลนี้จะมีมาตรการแทรกแซงราคา ต้องน้อมรับชะตากรรมกันต่อไป เช่นเดียวกันกับชาวสวนชาวไร่ที่ไร้วี่แววว่าจะมีกำรี้กำไร ช้ำใจที่สุดคงเป็นชาวสวนยางพารา ที่โพนทะนากันก่อนหน้าจะทำให้ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท วันนี้อยู่ที่ 3 โลร้อยเท่านั้นเอง

โทษใครไม่ได้ ก็พวกหนึ่งดันไปโบกมือดักกวักมือเรียกให้เขายึดอำนาจ โดยที่ก็มีทั้งชาวนาชาวสวนจำนวนไม่น้อยนั่นแหละที่พากันมาเป็นแนวร่วม จนถึงเวลานี้แกนนำที่หนีไปห่มผ้าเหลืองก็ยกธรรมะมาสะกดให้ทุกคนใจเย็น เปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงานไปก่อน ออกแรงเชลียร์เต็มที่ ส่วนคนที่เดือดร้อนอดอยากก็ต้องจำใจอดทนกันต่อไป

คำทำนายของ วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ที่บอกว่าบิ๊กตู่จะอยู่บริหารประเทศต่อไปอีก 3 ปี ดูท่าจะขยับเข้าใกล้ความเป็นจริงเรื่อยๆ เมื่อล่าสุดเจ้าตัวแบไต๋ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มีปมจะให้รัฐบาลและคสช.อยู่ต่ออีก 2 ปี โดยบอกว่าต้องฟังความเห็นทุกฝ่ายและประชาชนจะต้องปกป้องรัฐบาลหากต้องการให้อยู่ต่อ

แพลมออกมาขนาดนี้เหมือนเป็นการโยนหินถามทาง เชื่อว่าจากนี้จะมีโพลไปสอบถามตามน้ำกันต่อว่า อยากให้รัฐบาลคสช.อยู่ต่อหรือไม่ เพื่อจะได้เป็นแนวในการสร้างความชอบธรรม ส่วนที่ผู้มีอำนาจบอกว่าต้องช่วยปกป้องไม่ให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่ามีการสืบทอดอำนาจทั้งจากในประเทศและต่างประเทศนั้น มันเป็นเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

วงหารือของศปป.ที่มี พลเอกฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบกนั่งหัวโต๊ะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สรุปได้ว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ที่พูดคุยกันถึงการสร้างความปรองดองเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมอย่างยั่งยืน ประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ โดยที่ประชุมเน้นเรื่องการปฏิรูประบบยุติธรรมในประเทศ การบังคับใช้กฎหมาย และเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต

ข้อเสนอที่น่าสนใจจนขนาดที่เสธ.ทบ.ถึงกับออกปากขอร้องให้ช่วยยกร่างเป็นโครงการว่าจะเสนอให้มีการพูดคุยเพื่อความปรองดองได้อย่างไร มาจากมุมมองของ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองผู้ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยนั่นเอง เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นถึงปัญหาในอดีต สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและจะต้องดำเนินการในอนาคต

โดยจาตุรนต์มองในกรณีการปฏิรูปว่า ถ้าจะให้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องยาก เพราะความเห็นในแต่ละรัฐบาลนั้นแตกต่างกันออกไป ซึ่งรัฐบาลหลังจากนี้อาจเห็นต่างรัฐบาลปัจจุบันก็เป็นได้ ดังนั้น จึงไม่ควรเขียนแผนหรือแนวทางการปฏิรูปไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อมีความเห็นต่างและไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก็จะเกิดความขัดแย้ง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แก้ไขได้ลำบาก

แนวทางการปรองดองของรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งการกำหนดนโยบายและการร่างรัฐธรรมนูญจะไม่สามารถสร้างความมั่นคงหรือความสงบอย่างยั่งยืนได้ สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้ง ปัญหาต่างๆ ก็จะกลับมาและอาจมีการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก หากต้องการแก้ไขปัญหาได้จริงต้องพูดคุยถึงต้นเหตุปัญหาความขัดแย้ง สาเหตุที่ทำให้กฎหมายไม่เป็นกฎหมายหรือเหตุที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถรักษากฎหมายได้

ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญ เดอะอ๋อยได้เสนอว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีปัญหาอยู่มาก หากไม่มีการแก้ไขในสาระสำคัญ ต้องตัดสินด้วยการลงประชามติโดยวิธีการที่เป็นธรรม หากลงประชามติไม่ผ่านก็ไม่ควรยืดเวลาในการเลือกตั้งออกไปอีก ควรจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แล้วจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยโดยให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ

ยิ่งเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญออกมาลักษณะเช่นนี้และการเลือกปฏิบัติหรือดำเนินการโดยมีอคติ ความสงบที่ได้มาจากการยึดอำนาจก็จะเป็นเพียงความสงบชั่วครั้งชั่วคราว ต้องถามผู้มีอำนาจการที่กฎหมายไม่เป็นกฎหมายอย่างทุกวันนี้ ต้องการให้มีความสงบจริงหรือไม่ หากต้องการจริงอยากบอกให้รู้ว่าว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่มีทางที่จะเกิดความสงบอย่างแท้จริงได้เลย

ดังนั้น ความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่ต้องการความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน หรือต้องการเข้ามาใช้อำนาจเพื่อทำให้ประชาธิปไตยหยุดชะงัก เศรษฐกิจเสียหาย และบ้านเมืองเกิดความไม่สงบ สิ่งที่ที่ประชุมพูดถึงกันมากที่สุดคือการเลือกปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เท่าเทียม ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่หลายฝ่ายกังวลและท้วงติงมาโดยตลอด ยุติธรรมไม่มีสามัคคีย่อมไม่เกิด

Back to top button