สิงคโปร์วันนี้ขี่พายุ ทะลุฟ้า
ไม่ได้เหยียบย่างไปเกาะสิงคโปร์เสียนาน ไม่น้อยกว่า 15 ปี คิดจะไปอีกที ตอนเปิดบ่อนกาสิโน “มาริน่า เบย์ แซนด์” แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สบโอกาสสักที
ไม่ได้เหยียบย่างไปเกาะสิงคโปร์เสียนาน ไม่น้อยกว่า 15 ปี คิดจะไปอีกที ตอนเปิดบ่อนกาสิโน “มาริน่า เบย์ แซนด์” แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สบโอกาสสักที
เผอิญมีช่วงวันหยุดยาวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เลยฉวยโอกาสหนีร้อนจากกรุงเทพฯ ไปดูสิงคโปร์วันนี้ให้เห็นกับตาสักที
เดินทางไปสิงคโปร์ตอนนี้ สะดวกมาก มีเที่ยวบินตรงออกจากกรุงเทพฯ รวมๆ กันแล้ว วันละตั้ง 20 เที่ยวบิน ความถี่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ!
เป็นเครื่องของการบินไทยซะ 5 เที่ยว สิงคโปร์ แอร์ไลน์ 4 เที่ยว นอกจากนั้นก็เป็นสายการบินโลว์คอสต์อีกตั้ง 3 สายการบิน ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย ไทเกอร์แอร์เวย์ และเจต สตาร์ เอเชีย
ค่าตั๋ว 3-4 พันบาท ก็ยังบินไป-กลับได้ปร๋อเลย
สนามบินชางฮี4 เทอร์มินัล ก็ยังเนี๊ยบดูดีอยู่นะ สลับสับเปลี่ยนเป็นที่ 1-2-3 สนามบินดีที่สุดในโลกในแต่ละปีกับสนามบินเช็ค แลป ก๊อก ฮ่องกง และอินชอน เกาหลีใต้
ผู้โดยสารเดินเข้ามาจุดตรวจลงตรา แล้วก็กระจายออกไปรับกระเป๋าด้วยความรวดเร็ว บูธต่างๆ ก็มีเจ้าหน้าที่มาประจำการอยู่ครบ ไม่มีบูธฟันหลอให้เห็น
สภาพอากาศในสิงคโปร์ ซึ่งมันควรจะร้อนกว่ากรุงเทพฯ เพราะตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรเป๊ะ แต่เดี๋ยวนี้ ผมว่าความร้อนพอๆ กันแล้วนะ
รู้สึกว่าจะเย็นกว่าก่อนด้วยซ้ำไป
ความร้อนที่ลดราวาศอกลง ก็คงจะเนื่องมาจากต้นไม้ในสิงคโปร์ ซึ่งบัดนี้เติบใหญ่ กลายเป็นป่าใหญ่ในเมืองไปแล้ว ต้นไม้ก็ดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์เข้าไป และคายเป็นความเย็นออกมา
เป็นความตั้งใจของบรรพชนสิงคโปร์ โดยเฉพาะลี กวน ยู จริงๆ นะครับ ที่จะปลูกป่าใหญ่ในมหานครสิงคโปร์ โดยต้นไม้หลักตามสองข้างถนน หย่อมหัวถนน ท้ายถนน ล้วนเป็นไม้ยืนต้นที่มีรากแก้วยึดโยงทั้งนั้น
ผิดกับการปลูกต้นไม้ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าๆ บางประเทศ มันชอบปลูกต้นไม้ประเภทกึ่งยืนต้น-ล้มลุก ที่ไม่มีรากแก้วยึดโยงกันนัก หรือไม่ก็ปลูกต้นไม้ประเภทไร้สาระ เช่น ปาล์มน้ำมัน อโศกอินเดีย ฯลฯ ที่อย่าว่าแต่คุณค่าในการดับร้อน ให้ความเย็นเลย
แม้แต่ร่มเงาสักนิด ก็ยังอาศัยพึ่งพาไม่ได้
ไอ้พวกที่หากินอยู่กับการโค่นต้นไม้-เปลี่ยนต้นไม้ เดี๋ยวก็โค่น เดี๋ยวก็ปลูกใหม่ คงไม่มีในสิงคโปร์ เพราะถ้ามีคงถูกลี กวน ยู ตัดหัวคั่วแห้งไปหมดแล้ว
บ้านเมืองเราเสียโอกาสไป 50-60 ปี ที่ไม่ได้ปลูกป่าในเมืองทั้งให้ความเย็นและสร้างสีเขียวขจีไปจริงๆ
มีแต่ต้นไม้ไร้สาระ ที่มาจากเชื้อคอร์รัปชั่นเกลื่อนเมืองไปหมด
ไปสิงคโปร์ ถ้าไม่พูดถึงกาสิโน“มาริน่า เบย์ แซนด์” มูลค่าลงทุน 1.5 แสนล้านบาท ที่แหวกกรอบ ฉีกทุกแนวคิดในสิงคโปร์ คงเป็นเรื่องกร่อย
ไม่ใช่ว่าอภิมหาโครงการนี้จะผ่านสะดวกโยธิน โดยไม่มีการถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายในหมู่ผู้นำสิงคโปร์กันนะครับ
แต่มาดูผลรวมในวันนี้ ในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ ต้องบอกว่าได้คะแนนเต็มร้อย ก็เพราะแหล่งท่องเที่ยวสิงคโปร์นั้น ไม่มีธรรมชาติประทานให้ ทุกอย่างต้องสร้างด้วยสองมือมนุษย์เองหมด
ในแง่ความกระทบกระเทือนทางศีลธรรมก็ไม่กระไรนัก เพราะทุกอย่างมีการจัดระเบียบและมีกฎกติกาชัดเจนหมด มารยาทตามมาเอง
บ่อนยักษ์แห่งนี้ แน่นอน สร้างขึ้นมาเพื่อดูดเงินชาวต่างชาติเป็นหลัก คนสิงคโปร์เข้าบ่อน จะต้องตีตั๋วค่าเข้า 100 เหรียญสิงคโปร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 2,500 บาท
กิเลสน่ะมีอยู่ทุกที่ ปัญหาใหญ่ไม่ใช่การกวาดล้างกิเลส แต่อยู่ที่การจัดระเบียบกิเลสมากกว่า
“มาริน่า เบย์ แซนด์” กลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของสิงคโปร์ไปแล้ว
เจ้าตึกรูปทรงประหลาด แยกเป็นอาคาร 3 แท่ง และมีทรงสถาปัตยกรรมเป็นรูปเรือปิดหัวทั้ง 3 อาคาร เป็นทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า และโรงมหรสพ
ส่วนที่เป็นบ่อนน่ะมีอยู่แค่ 1.5 หมื่นตารางเมตร หรือจุนักพนันได้แค่ 1.5 หมื่นคนเท่านั้น
ชีวิตที่ดำเนินไปในคอมเพล็กซ์แห่งนี้ ถ้าไม่ใช่นักเล่นการพนัน ก็จะไม่มีความรู้สึกเลยว่า ที่นี่เป็นบ่อน เพราะที่นี่เป็นพลาซ่าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีแบรนด์ดังระดับนำทั่วโลกมาชุมนุมกันอย่างคับคั่ง
ผมว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งในสถานที่เดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว เหนือกว่าฮ่องกงไปแล้วอย่างแน่นอน
อาหารการกินในสิงคโปร์ทุกวันนี้ ก็มีความหลากหลายกว่าแต่ก่อนมากมาย ซึ่งก็แน่นอน เรื่องของรสชาติก็ตามมาด้วย
การสร้างชาติให้เจริญและยังคงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ต้องมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และอย่าได้ดัดจริตเป็นอันขาด