สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,629.20 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.58 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,629.20 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.58 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท
* ตลาดหุ้นไทยตอนนี้บอกตรง ๆ คาดเดาอารมณ์ยาก เสี่ยงยิ่งกว่าโยนเหรียญเสี่ยงทาย “หัวหรือก้อย” เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ในแต่ละวันตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนเป็นอย่างมาก บางวันเช้าปิดบวกดี พอเย็นดันปิดลบหนัก บางวันภาคเช้าปิดลบน่ากลัว แต่เข้าเย็นดันพลิกมาปิดบวกเฉย ก็อย่างที่บอกนักลงทุนเสมอแหละว่า ช่วงนี้ค่อนข้างประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยากมาก สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการ “ถือเงินสดไว้เป็นหลัก” หากจะเข้าสะสมหุ้นก็ควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนชัดเจน หรือ เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี และควรหลบเลี่ยงหุ้นซิ่งสไตล์วิ่งหวือหวาไปก่อน เพราะเท่ากับเป็นกลุ่มหุ้นที่มีความเสี่ยงเจ็บตัวหนักที่สุด
* หุ้น BEAUTY ถือเป็นหุ้นที่มีประเด็นร้อนแรงมากที่สุดช่วงเมื่อวาน ไม่รู้ว่ามีคนสังเกตกันหรือไม่ ราคาหุ้นที่ดิ่งหนักจนติดฟลอร์นั้นมาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายสูงทะลักเฉียด 1.1 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่า แค่เฉพาะมูลค่าการซื้อขายจาก BEAUTY เพียงหุ้นเดียว นั้นมีมากกว่าหุ้น PTT-CPALL-AOT-SCB แพ็กรวมกันในเมื่อวานเสียอีก และนี่ถือเป็นมูลค่าการซื้อขายจากในกระดานหลักล้วน ๆ ไม่ได้มาจากบิ๊กล็อตเหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต จึงสะท้อนให้เห็นว่าเป็นแรงขายหุ้นที่ล้วนออกมาพร้อมกันแบบแทบไม่ต้องนัดหมาย
* ทีนี้เรามาลองนั่งวิเคราะห์กันดู อะไรที่ทำให้หุ้น BEAUTY ทรุดลงหนักกันขนาดนี้ (ช่วงเจอข่าวลือโถมใส่ก็ยังไม่ดิ่งหนักเท่านี้เลย) โดยเราดูจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเมื่อวานล้วน ๆ (ไม่มานั่งนับรวมข่าวลือโน่นนี่นั่นอีก) ในตอนเช้าทาง “หมอสุวิน ไกรภูเบศ” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องข่าวลือต่าง ๆ เช่น ข่าวลือออเดอร์ปลอม ทางหมอสุวินก็ยืนยันว่า ข่าวลือทั้งหลายไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น พร้อมกับย้ำว่าทุกออเดอร์งานเกิดขึ้นจริง และที่ผ่านมาได้ใช้บริการผู้สอบบัญชีที่มีมาตรฐานมาตรวจดูเสมอ ซึ่งในแง่ประเด็นนี้เข้าใจได้ว่า ส่วนใหญ่ทุกคนรับทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วล่ะ
* แต่จุดเปลี่ยนและน่าจะเป็นสาระสำคัญต่อเซนติเมนต์หุ้นให้ดิ่งแบบฉับพลันนั่นคือ กรณีทิศทางงบไตรมาส 2 ซึ่งทางผู้บริหารกล่าวยอมรับว่า “รายได้พลาดเป้า” เนื่องจากสินค้าในร้าน BEAUTY COTTAGE บางกลุ่มได้รับความนิยมน้อยลง แล้วยังมีกรณีข่าวสินค้าความงามไม่ได้มาตราฐาน อย. ที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมา เลยมากระทบต่อกลุ่มลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่เข้าไปด้วย ขณะที่ตลาดส่งออกไปจีนยังเกิดการติดขัด เพราะมีการตรวจสอบเข้มงวดทำให้เกิดความล่าช้า
* ซึ่งอันนี้แหละคือประเด็นใหม่และมีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาภาพรวมตลาดได้ประเมินงบไตรมาส 2 ของ BEAUTY จะยังคงโตต่อเนื่อง ด้วยแรงบวกจากกำลังซื้อที่สูงตามความเชื่อมั่นของลูกค้า แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนและเรื่องผลการดำเนินงานน่าจะเป็นปัจจัยเดียวที่ช่วยค้ำจุนหุ้น BEAUTY มาตลอดถูกทำลายลง ราคาหุ้นก็เลยดิ่งไหลรูดอย่างที่เห็น ขณะที่ทางนักวิเคราะห์เอง เริ่มออกมาประเมินว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลให้งบไตรมาส 2 ออกมาลดลงทั้งแบบเทียบไตรมาสแรกและช่วงปีก่อน ขณะเดียวกันยังมีความเป็นไปได้ว่ากำไรทั้งปีอาจจะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้แถว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะส่งผลให้นับจากนี้ไปภาพรวมตลาดน่าจะมีการปรับประมาณการณ์และราคาเป้าหมายใหม่อีกครั้ง เท่านั้นแหละดิ่งหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
* และอีกประเด็นที่ออกมาอิมแพ็กหุ้นเพิ่มก็คือทางบริษัทยังไม่มีนโยบายเดินหน้า “โครงการซื้อหุ้นคืน” เพื่อพยุงหุ้นถึงแม้ที่ผ่านมาราคาจะลงหนักไปมากแล้วก็ตาม จึงเท่ากับปิดฉากปัจจัยบวกสุดท้ายที่หลายคนกำลังคาดหวังลงหมดสิ้น มหกรรมกระหน่ำเทขายยิ่งกว่าซัมเมอร์เซลในช่วงบ่ายจึงหนักขึ้นเข้าไปอีก สุดท้ายปิดตลาดในแดนลบด้วยราคาต่ำติดฟลอร์ที่ 9.10 บาท ถือเป็นวันที่หุ้นนิวโลว์ในรอบ 16 เดือน และทำราคาปิดลบเยอะสุดในรอบปี 2561 ถ้าที่ผ่านมาหุ้น BEAUTY เคยวิ่งบวกแรงและโดดเด่นจากแรงคาดหวัง วันนี้หุ้นก็ดิ่งลงด้วยแรงผิดหวัง และไม่ใช่กรณีข่าวลือฉุดราคาหุ้นเหมือนที่เคยเป็นมา แต่เกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ได้รับการเปิดเผยในรายงานข่าวเมื่อวานนี้ทั้งสิ้น *