พาราสาวะถี
วานนี้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าตัดสินใจเดินหน้าภารกิจด้วยการพาทั้งหมดออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ด้วยการดำน้ำ โดยปฏิบัติการครั้งนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูงมาก แน่นอนว่าเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการเพราะตามพยากรณ์อากาศพายุกำลังจะเข้า ถ้าปล่อยไว้ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ทั้งคนไทยและคนทั่วโลกต่างร่วมส่งใจไปช่วยและภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย
อรชุน
วานนี้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าตัดสินใจเดินหน้าภารกิจด้วยการพาทั้งหมดออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ด้วยการดำน้ำ โดยปฏิบัติการครั้งนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูงมาก แน่นอนว่าเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการเพราะตามพยากรณ์อากาศพายุกำลังจะเข้า ถ้าปล่อยไว้ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ทั้งคนไทยและคนทั่วโลกต่างร่วมส่งใจไปช่วยและภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย
ขณะที่เหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ตัวเลขล่าสุด นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 41 ราย สูญหาย 15 ราย โดยที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการระดมกำลังค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศคงต้องอำนวยความสะดวกให้กับแต่ละประเทศในทุกด้าน พร้อม ๆ กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้จะบินไปดูแลทั้ง 2 เหตุการณ์โดยบินไปที่ภูเก็ตก่อนตรงไปเชียงราย
ขณะที่การเมืองหนีไม่พ้นปม “พลังดูด” หลังจากที่เปิดหน้าแสดงตัวกันคึกคักกลุ่ม 3 มิตรของ 3 ส. แต่พอกระแสสังคมเกิดคำถามตัวโต การโชว์เพาเวอร์เพื่อทำให้นักการเมืองเสือโหยเสือหิวทั้งหลายตัดสินใจกันง่ายขึ้น จึงเริ่มเพลา ๆ ลงไป เพราะเมื่อประเมินผลที่จะได้รับแล้ว คณะเผด็จการที่ครองอำนาจปัจจุบันเสียมากกว่าได้
ไม่ว่าจะอ้างหลักการอย่างไร แต่ยิ่งตอบยิ่งทำให้คนรู้เช่นเห็นชาติ ทุกการกระทำไม่ว่าของใครก็ตาม เมื่อเริ่มต้นที่ 3 มิตรสุดท้ายก็ไปพัวพันเข้ากับพลังประชารัฐ เมื่อ 1 กลุ่ม 1 ว่าที่พรรคเกี่ยวพันกันมันก็แยกไม่ออกจากผู้มีอำนาจปัจจุบัน ไม่ว่าจะปฏิเสธพัลวันอย่างไร พฤติกรรมที่แสดงออกและการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ต่างเข้าใจตรงกัน สิ่งที่ทำกันอยู่เพื่อการ “สืบทอดอำนาจ” ทั้งสิ้น
จากพวกที่อ้างหลักการ ความถูกต้อง ชอบธรรม พอใช้เรื่องคดีความไปบังคับให้อดีตส.ส.ย้ายมาร่วมก๊วนตัวเอง มันย่อมเกิดคำถามต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่ท่านผู้นำชอบอ้างอยู่เป็นประจำโดยทันที และยิ่งเลยเถิดไปถึงขั้นเสนอผลตอบแทนมันก็ยิ่งสะเทือนต่อ “หลักธรรมาภิบาล” ที่หัวหน้าคณะเผด็จการชอบถามกลับนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวอยู่ตลอดเวลา
แม้กระทั่งเนติบริกรอย่าง วิษณุ เครืองาม ขนาดขึ้นชื่อว่าปลาไหลเรียกพี่แล้ว พอนักข่าวบี้ถามหนักเข้าก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ตอนแรกก็บอกว่าการเดินสายหาสมาชิกพรรคไม่ผิดกฎหมาย ทุกพรรคสามารถทำได้ แต่เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าการชวนมาร่วมพรรคตามธรรมดาถือว่าไม่ผิด ประสาคนที่ไม่ตอบอะไรผูกมัดตัวเองก็รีบออกตัวทันทีว่า ตนไม่ได้ตอบถึงขนาดนั้น
เมื่อไล่ต้อนถามต่อไปว่ากรณีที่มีการเสนอเงินเพื่อดูดอดีตส.ส.ตามที่เป็นข่าว ถือว่าเป็นความผิดหรือไม่ วิษณุก็รีบปัดทันทีไม่ขอตอบ พร้อมอ้างเป็นเรื่องของกกต. เช่นเดียวกับการใช้คดีความเป็นเครื่องมือต่อรองก็รีบบอกว่าให้ไปหาหลักฐานมาให้ชัดเจนแล้วก็ไปถามกกต. ถ้ากกต.บอกว่ากระทบกับการตั้งพรรคการเมืองก็คือกระทบ รีบจบข่าวไปในตัวเพราะจวนตัวไม่รู้จะติ๊ดชึ่งยังไงแล้ว
คงต้องยอมรับกันว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่อำนาจเผด็จการได้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายสืบทอดอำนาจนั้น แม้จะมีการเขียนกฎหมายให้ท้ายหรือเปิดช่องไว้แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นผู้มีต้นทุนของความเป็นคนดี ประกอบกับสร้างมาตรฐานเรื่องนักการเมืองเลวไว้ตั้งแต่หลังการยึดอำนาจ พอมีการกระทำที่มันไปซ้ำรอยพฤติกรรมชั่วร้ายในอดีต หลายครั้งหลายหนมันจึงเกิดอาการน้ำท่วมปาก
อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมสำหรับเลือกตั้งหากเป็นไปตามโรดแมป คงเป็นหน้าที่ของกกต.ชุดใหม่ เพราะ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องด่วนให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกกต. ในวันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคมนี้ นี่เป็นการดำเนินการตามเงื่อนเวลาของกฎหมาย แต่คงไม่มีเซอร์ไพรส์เหมือนการคว่ำว่าที่ 7 กกต.หนก่อน
พิจารณาจากเงื่อนเวลาแล้ว ถ้าผู้มีอำนาจอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการและป้องกันการเกิดภาวะปีนเกลียวการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต้องใช้คนที่ตัวเองไว้วางใจเท่านั้น จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ 4 เสือกกต.ที่รักษาการอยู่ไม่ได้ ดังนั้น รายชื่อที่ผ่านกระบวนการสรรหาและเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามา แม้บางรายอาจจะมีเครื่องหมายคำถาม แต่คงต้องหลับตาข้างหนึ่งปล่อยผ่านกันไปก่อน
ส่วนที่บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของสนช.ในการที่จะพิจารณาไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล นั่นก็แค่ละครที่ใคร ๆ ก็รู้ เมื่อคนกุมอำนาจเบ็ดเสร็จขีดให้เป็นอย่างไรทุกอย่างต้องว่าไปตามนั้นทั้งหมด เหมือนอย่างล่าสุดที่มีข่าวว่าครม.ชงร่างกฎหมาย 5 ฉบับให้ที่ประชุมสภาตรายางพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการตุลาการ ศาล อัยการและองค์กรอิสระ
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น การที่ ศรีสุวรรณ จรรยา รีบออกแถลงการณ์ในนามสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยคัดค้านเรื่องดังกล่าวคงไม่มีประโยชน์อันใด ในเมื่อตั้งธงไว้แล้วประเด็นความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ผู้ผลักดันเรื่องนี้จะมอง และคงจะมีคนอ้างความจำเป็นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่ประชาชนคนจนทั้งหลายรัฐบาลก็จัดให้ทั้งบัตรคนจน โครงการไทยนิยมยั่งยืนแล้วจะเอาอะไรอีก
ยิ่งได้ฟังวิษณุชี้แจงเรื่องนี้กลายเป็นว่าถามไก่ตอบไข่ถามวัวตอบควาย หรือไม่ก็เลือกที่จะตอบในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายกุมอำนาจ ถ้าลองมาอีหรอบนี้บรรดาเนติบริกรศรีธนญชัย ก็คงรวมหัวกันหาเหตุหาผลมาให้ท่านผู้นำเผด็จการไว้คอยตอบคำถามนักข่าวแล้ว เหมือนการท่องคาถาพลังประชารัฐยังไม่ได้ตั้งเป็นพรรค และการเดินสายดูดไม่ผิดกฎหมายนั่นปะไร
สิ่งที่ศรีสุวรรณตั้งเป็นปุจฉาคงถูกทำให้หายไปกับสายลม ปัจจุบันนี้องค์กรศาล ตุลาการ อัยการ และองค์กรอิสระมีเงินเดือนและค่าตอบแทนมากกว่า 5,000 บาทต่อวัน สูงกว่าข้าราชการสายอื่น ๆ มาก ขณะที่ประชาชนมีรายได้ขั้นต่ำแค่วันละ 300 กว่าบาท โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาองค์กรต่าง ๆ เหล่านี้มีผลงานใดที่เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน องค์กรอิสระใดที่สามารถตรวจสอบและเอาผิดคนในรัฐบาลนี้ได้บ้าง ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่แต่เหล่าคนดีทั้งหลายก็ต่างพากันหูหนวกตาบอดพร้อมใจกันไม่แยแส