นายสุวิน BEAUTY ลิ้นพลิ้ว!
เป็นที่น่าสนใจ กรณีบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ประกาศเตรียมชงเรื่องเข้าบอร์ดเพื่อขออนุมัติ "ซื้อหุ้นคืน" ภายหลังราคาร่วงลงอย่างรุนแรง พร้อมกับศรัทธาที่นับวันยิ่งเบาบางลงทุกที
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
เป็นที่น่าสนใจ กรณีบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ประกาศเตรียมชงเรื่องเข้าบอร์ดเพื่อขออนุมัติ “ซื้อหุ้นคืน” ภายหลังราคาร่วงลงอย่างรุนแรง พร้อมกับศรัทธาที่นับวันยิ่งเบาบางลงทุกที
ราคาหุ้น BEAUTY เริ่มออกอาการง่อยเปลี้ยมาตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากเคยอยู่ที่ระดับกว่า 23 บาท ก็เริ่มทรุดตัวลดลงมาเรื่อย ๆ จนถึงขั้นเรียกว่า “หักหัวลง” จนทีมบริหารต้องตั้งโต๊ะเพื่อชี้แจงแถลงไขข้อสงสัยต่าง ๆ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
แน่นอน ว่าข้อมูลที่ถูกนำมาสาธยายผ่านปากผู้บริหาร นำโดย “นายสุวิน ไกรภูเบศ” ซีอีโอบริษัทฯ หนีไม่พ้นการปฏิเสธกระแสข่าวเชิงลบต่าง ๆ แต่มีไฮไลต์สำคัญตรงที่ออกมายอมรับว่า งบไตรมาส 2 ปีนี้ (2561) คงจะออกมาไม่ดีเหมือนกับที่เคยโฆษณาเอาไว้ก่อนหน้านี้
รวมถึงมีการระบุด้วยว่า จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้เอาไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20%
นี่คงเป็นฉนวนเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงหนักหน่วงในภายหลัง จนทรุดลงไปติดระดับฟลอร์ในวันเดียวกัน และอีกกว่า 20% ในวันถัดมา เพราะเมื่อนำไปเทียบกับ Net Profit Margin ของปี 2560 นั่นหมายถึงธุรกิจของ BEAUTY กำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัวอย่างเป็นทางการในมุมมองของใครต่อหลายคน
การตั้งโต๊ะแถลงวันนั้น จบลงพร้อมกับอีกหนึ่งไคลแมกซ์เมื่อมีนักข่าวตั้งคำถามขึ้นไปบนเวทีว่า บริษัทฯ จะมีมาตรการเยียวยาผู้ถือหุ้นอย่างไร? และโดยเฉพาะที่ว่าจะมีการซื้อหุ้นคืนหรือไม่?
ก็คงต้องถือว่า คำตอบจากนายสุวินน่าจะทำให้ผู้ถือหุ้นจำนวนมากรู้สึกใจสลายได้ เพราะมีการตอกย้ำไว้อย่างชัดเจนว่า ตนไม่มีคำพูดหวานใดๆ มาปลอบใจใคร แต่จะตั้งใจบริหารกิจการให้ดีเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัย! นั่นหมายถึงจะไม่มีการออกมาตรการเยียวยาอย่างไรทั้งสิ้น ซึ่งภายหลังนายสุวินก็ได้กล่าวย้ำว่า “ไม่มีนโยบายจะซื้อหุ้นคืนแต่อย่างใด”
ซึ่งราคาหุ้น BEAUTY ก็ซึมซับรับกับประเด็นนี้ในบัดดล โดยในวันเดียวกัน ราคาปรับตัวลดลง 3.90 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่า 1.09 หมื่นล้านบาท และยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องในวันที่ 5 กรกฎาคม อีก 1.90 บาท หรือราว 20.88% ด้วยมูลค่า 1.16 หมื่นล้านบาท
คงไม่ต้องถามถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยและรายใหญ่บางราย เพราะป่อเต็กตึ๊งรายงานมาแล้วว่า “ตายทั้งคัน!”
แต่คงต้องมีการตั้งคำถามว่า แล้วใครคือผู้ได้ประโยชน์จากหายนะครั้งนี้?
น่าตั้งข้อสังเกตเป็นอย่างยิ่งสำหรับกรณีนี้ โดยเฉพาะเมื่อนายสุวิน ไม่ยอมปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิม จากที่ราคาหุ้นทำท่าจะทรุดตัวลงอีกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ก็ได้มีการออก “ประกาศเถื่อน” เรื่องการซื้อหุ้นคืนใน “ช่วงระหว่างการซื้อขายภาคเช้า” ของวันที่ 6 กรกฎาคม
แน่นอน ประกาศเถื่อนที่ว่านี้จะไม่เถื่อนเลยแม้แต่น้อยหากมีการแจ้งข้อมูลอันมีสาระสำคัญเรื่องนี้กับทางตลาดหลักทรัพย์เสียก่อน ดังนั้นจึงถูกแขวนป้าย “H” ไปตามระเบียบ หลังมีข่าวออกมา
ขณะเดียวกัน เป็นที่น่าสนใจว่า เหตุใดนายสุวินถึงยืนยันด้วยท่าทีสุขุม จนอาจถึงขั้นเลือดเย็น เสมือนหนึ่งได้ไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้วว่า จะไม่มีการซื้อหุ้นคืนเป็นอันขาดในการแถลงวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งมีทั้งนักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน และสื่อมวลชนร่วมร้อยชีวิตนั่งรอฟัง และพร้อมจะนำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่สู่สาธารณชนต่อไป
ต้องถือว่าซีอีโอรายนี้เป็นผู้มีปัญญาดี เพราะสามารถคิด และปรับเปลี่ยนการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 2 วันเท่านั้น หรือแท้จริงแล้วนายสุวินอาจมองว่า ราคาหุ้น BEAUTY แพงจนเกินไป?
ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ที่แน่ ๆ ราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวลงอย่างสาสมโดยไม่จำเป็น ตามข้อมูลชุดแรกไปแล้ว และก็ไม่เป็นที่น่าผิดหวัง เพราะราคาหุ้นก็ดีดตัวกลับขึ้นมาได้บ้างแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังการประกาศข่าวเถื่อน และภายหลังจากผู้ถือหุ้นที่จงรักภักดีของ BEAUTY ยอมตัดใจขายหุ้นออกมาแล้ว
แต่ขายให้ใคร? ใครซื้อ? เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ และน่าจะมีความชัดเจนเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะถือเป็นการพลิกลิ้นอีกครั้งของนายสุวินหรือไม่? หลังก่อนหน้านี้เคยแสดงฝีมือมาแล้วตอนขายหุ้นครั้งล่าสุดของตนและภรรยา
จากนี้ไป หุ้น BEAUTY รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ คงถูกหยิบยกมาพูดถึงเป็นประเด็นมากขึ้น ที่แน่ ๆ ต้องจับตาการประชุมบอร์ดวันนี้ (9 ก.ค.) ว่าจะมีมติเช่นไร
โดยเฉพาะเมื่อไม่มีความชัดเจนสักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหุ้น ราคา และวงเงินในการซื้อหุ้นคืน หรือแม้กระทั่งยังไม่รู้เลยว่าบอร์ดจะอนุมัติหรือไม่ แต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นมาตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว