1,620 จุดเปลี่ยน?
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอะไรที่โอเวอร์แบบได้ใจสุด ๆ หลังมีแรงซื้อจากกองทุนตัวแสบไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ เหล่านักเล่นตัวแสบก็บิลต์กระแสไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,622.96 จุด บวกไป 8.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริง ๆ นะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอะไรที่โอเวอร์แบบได้ใจสุด ๆ หลังมีแรงซื้อจากกองทุนตัวแสบไหลเข้ามาอย่างพรั่งพรู เพียงเพราะตลาดหุ้นต่างประเทศบวกเขียวปี๋ เหล่านักเล่นตัวแสบก็บิลต์กระแสไปถึงขั้นที่ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เกิดขึ้นแล้ว วานนี้ถึงเห็นหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 1,622.96 จุด บวกไป 8.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 หมื่นล้านบาท มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริง ๆ นะคะ
*เนื่องจากของมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า เศรษฐกิจของไทยยังง่อนแง่นโยกเยกไปมา แถมตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2 มีแนวโน้มถดถอยกันอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างสงสัยว่า เมื่อปลายเดือนก่อนดัชนียืนต่ำกว่าระดับ 1,600 จุด ต่อจากนั้นถีบตัวขึ้นไปยืนแถวบริเวณ 1,630 จุด ก่อนจะทรุดตัวกลับลงมายืนแถว 1,600 จุดอีกจนได้ แต่สุดท้ายก็ถีบตัวขึ้นมายืนแถว 1,620 จุดอีกครั้ง พร้อมกับแสดงความต้องการขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,650 จุด มันเป็นรูปแบบที่ยั่งยืนหรือเปล่า?
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาทักท้วงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ล้วนมาจากคำว่า money game เริ่มเล่นกันหนักมือขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เล่นถึงต้องอ่านเกมให้ขาดตั้งแต่หัววัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนที่ขึ้นไปอยู่บนยอดดอย ซึ่งเป็นประเด็นที่พยายามย้ำเตือนทุกครั้งที่เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล เดี๊ยนถึงต้องรายงานให้มิตรรักแฟนเพลง “ข่าวหุ้น” รับรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเจ้าค่ะ
*เนื่องจากสัญญาณเทคนิคเที่ยวนี้ชี้ชัดว่า ดัชนีต้องยืนเหนือระดับ 1,620 จุดให้ได้อย่างมั่นคง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นแรงซื้อที่แท้จริงกลับมาอย่างเต็มตัว มิเช่นนั้นจะกลายเป็นการขึ้นเพื่อลงเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง “ความจริง” กับ “ความฝัน” มันให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และควรหยุดมโนเรื่องไม่เป็นเรื่องกันสักทีนะจ๊ะ
*เมื่อเกมหุ้นถูกเซ็ตให้ขับเคลื่อนจากพวกกองทุนเป็นหลัก PTT จึงตกเป็นเป้าหมายแรกของการไล่ซื้อเหมือนทุกครั้ง เพียงแต่รอบนี้ดันเป็นลักษณะเล่นแบบแทงกั๊กตลอดเวลา ภาพของหุ้นเลยไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่! และถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นว่า ช่วงที่หุ้นตกลงมาหนัก ๆ ก็เกิดจากน้ำมือก๊วนนี้เต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้คิดกันนิดหนึ่งว่า การขึ้นมาปิดที่ 47 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่า 2.39 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการ “ปล่อยของ” หรือ “ไล่เก็บ” กันแน่ตัวเอง!
*ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ แรงซื้อในเที่ยวนี้กระจายเข้าไปยังหุ้น CPF ด้วยเช่นกัน พร้อมกับมีคำบรรยายเป็นภาษาหุ้นว่า ของดี..ของถูก..เชิญทางนี้! มันเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า กองทุนตัวแสบคบไม่ได้?..เพราะเมื่อถึงจังหวะซื้อก็อ้างเหตุได้ตลอด “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดของหุ้นที่ระดับ 25.25 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 720 ล้านบาท เป็นการดันขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณราคา 26.50 บาทแล้วเลิกเหมือน 2 ครั้งก่อนหน้านี้นะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของ CPALL ล้วนได้รับอานิสงส์จากการกลับเข้ามาซื้อของกองทุนตัวแสบ เพราะเมื่อคำนวณตัวเลขกำไรไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่แมงโม้เม้าท์ไว้ มันเป็นตัวแปรที่ทำให้ภาพของหุ้นเริ่มถึงจุดอิ่มตัว เหลือแก๊ปให้เล่นต่อแค่อีกนิดหน่อย “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างแปลกใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดระดับ 79 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่า 1.40 พันล้านบาท เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า มันเป็นจังหวะต่อเนื่องของกองทุนตัวแสบ..ไม่มีนัยสำหรับเม่าหรอกค่ะ
*ส่วนที่มีประเด็นให้ถกเถียงกันยกใหญ่ “โมนิก้า” กลับมองไปที่ BEAUTY เพราะในช่วงเช้าราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นพร้อมกับความคาดหวังบอร์ดจะอนุมัติแผนซื้อหุ้นคืน และทันทีที่บอร์ดรับลูกอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นกลับมุดหัวลงลูกเดียว ซึ่งในระหว่างทางมีการแฉพฤติกรรมของการเล่นเกมหุ้นของผู้บริหารบนโลกโซเชียลเยอะแยะไปหมด เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 7.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่า 4.22 พันล้านบาทไงล่ะจ๊ะ
*สำหรับในรายของ TMB กลายเป็นนักโหนกระแสชั้นยอดของตลาดหุ้นไทย และทุกครั้งที่บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคัก มักเห็นหุ้นแบงก์รายนี้กระชากขึ้นแรงเป็นประจำ ล่าสุด หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.42 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 356 ล้านบาท ซึ่งเที่ยวนี้มีลุ้นวิ่งขึ้นไปถึงยอดเดิมที่ระดับ 2.60 บาทอีกครั้งแบบนี้..บอกได้ทันทีว่า วันนี้มีลุ้นไปต่ออีกนิดหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่า บรรยากาศต้องเป็นใจนะคะ
*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้น DOD หลายคนรู้ว่า การเติบโตของหุ้นตัวนี้เป็นไปอย่างสวยหรู ซึ่งการันตีได้จากผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมามีออเดอร์สินค้าในมือค่อนข้างเยอะ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่า 276 ล้านบาท เพราะวันนี้เขาเทรดบนค่า P/E 22 เท่า ซึ่งมันน้อยเกินไปสำหรับหุ้นที่มี growth ค่อนข้างชัดเจน วันนี้ถึงห้ามพลาดขบวนรถด่วนอีกเที่ยวนะจ๊ะ