VIBHA กำไรโตต่อเนื่อง5ปีผ่านมาปันผลกว่า80%

ที่ผ่านมา VIBHA จ่ายปันผลต่อเนื่อง 5 ปีไม่น้อยกว่า80 % ของกำไรสุทธิ มองปันผลเป็นหนึ่งในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกเหนือจาก Capital Gain วางเป้ารายได้ปีนี้รายได้และกำไรสุทธิโตไม่น้อยกว่า 10%


“ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA เปิดเผยว่า นโยบายการปันผลของบริษัทไม่ต่ำกว่า 80% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายและสำรองอื่น (ถ้ามี) ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 5 ปี บริษัทได้มีการจ่ายปันผลในระดับนี้มาตลอด โดยมองว่าการปันผลนั้น เป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นอกเหนือไปจากผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้จากกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain)

 “ผมมองว่าใจเขาใจเรา เมื่อนักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท แน่นอนว่าเขาต้องอยากได้กำไรจากการขายหุ้น แต่การปันผลก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้แก่นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท ก็ได้มีการสร้างผลตอบแทนด้วยการปันผลมาตลอดในช่วง 5 ปี ไม่ต่ำกว่า 80% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายและสำรองอื่น (ถ้ามี) ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนน่าจะพอใจ”

กรรมการผู้จัดการ VIBHA กล่าวต่อว่าการปันผลในระดับไม่ต่ำกว่า 80% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายและสำรองอื่น (ถ้ามี) เป็นการจ่ายปันผลในอัตราที่สูง โดยดูอย่างบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ที่ผ่านมาปันผลเป็น 100 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งตนเองนั่งเป็นกรรมการใน DCC อยู่ และเชื่อว่าการปันผลจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ซึ่งฝั่งนักลงทุนได้รับเงินปันผล ส่วนบริษัทก็ได้ความสนใจจากนักลงทุน ในแง่ของการเป็นหลักทรัพย์ที่มีการปันผลดี

 

sv20150607

 

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานของ VIBHA ยังคงเป้าการเติบโต ทั้งในแง่ของรายได้ และกำไรสุทธิจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ซึ่งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้แล้วว่าการเติบโตของบริษัทก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยในปี 2557 ที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตอยู่ที่ 9.7% ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ แต่ถ้าดูลึกลงไปในงบการเงินเฉพาะบริษัท (งบเดี่ยว) นั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตถึง 18%

 

ส่วนแผนการเตรียมความพร้อมเรื่องเงินทุนของบริษัทนั้น ทางคณะกรรมการบริหารของบริษัทได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,048,097,120 หน่วยในอัตรา 12 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (VIBHA-W2) และมีมติอนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 300ล้านหน่วยให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และบริษัทย่อย โดยไม่คิดมูลค่า

โดยบริษัทมองว่าตลอดระยะเวลา 5 ปีจะได้รับเงินลงทุนจาก VIBHA-W2 และ ESOP-W2 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัทที่จะใช้ปีละประมาณ 300 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนขยายโรงพยาบาลปีละไม่น้อยกว่า 1 แห่ง ซึ่งในส่วนของ ESOP-W2 นั้น ยังเป็นการสร้างผลตอบแทนให้แก่พนักงานของบริษัท ซึ่งตามแผนการขยายโรงพยาบาลปีละ 1 แห่งนั้น จำเป็นต้องรักษาบุคลากรไว้เพื่อรองรับกับการเติบโตของบริษัทที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุน

ทั้งนี้ การแจก ESOP-W2 ให้แก่พนักงานนั้น จะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานกับองค์กร เป็นช่องทางหนึ่งในการรักษาบุคลากรเอาไว้ โดยบริษัทตระหนักถึงคุณค่าของบุคลากรในองค์กรมาตลอด และต้องการให้บุคลากรทุกคน รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กร

 

“เรื่องเงินทุนบริษัทไม่มีความกังวล เพราะบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านเงินลงทุนเอาไว้แล้ว โดยจะมีการออก VIBHA-W2 และ ESOP-W2 ซึ่งคาดว่าในช่วง 5 ปีจะได้รับเงินจากส่วนนี้ประมาณปีละ 1,500 ล้านบาท หรือตกปีละประมาณ 300 ล้านบาท สอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัท ที่คาดว่าจะใช้ปีละประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทนั้นยังได้ทำโครงการ ESOP-W2 เพื่อให้แก่พนักงาน เพราะอยากให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมกับองค์กร ซึ่งการเติบโตของบริษัทนั้น จะขาดบุคลากรเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไม่ได้”

 

 

ทั้งนี้ บริษัทยังได้มีการเตรียมความพร้อมเผื่อไว้สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต โดยมีการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 719,646,700 หุ้น คิดเป็น 5.72 % ของทุนชำระแล้ว ซึ่งเดิมทีหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไปนี้ เตรียมไว้ใช้สำหรับการสวอปหุ้น (แลกหุ้น) กับกลุ่มเชียงใหม่ธุรกิจการแพทย์ เมื่อเป็นส่วนที่เหลือจึงนำมาเตรียมไว้เป็นความพร้อมสำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่มีโครงการที่จะนำเงินส่วนนี้มาลงทุน และถ้าจะต้องนำเงินส่วนนี้มาลงทุน ก็คงอยู่ในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท

Back to top button