เจาะหุ้นรายตัว เล่นรับข่าว!

ดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับไปยืนเหนือแนวต้าน 1,650 จุดได้อีกครั้ง เนื่องด้วยตัวแปรที่ถ่วงตลาดหุ้นมีเข้ามาน้อยลง ความกังวลสงครามการค้าลดระดับลง และมองว่ารายงาน Beige Book หรือผลสำรวจผู้ประกอบการของสหรัฐฯ ที่กังวลต่อภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น จะทำให้สหรัฐฯ ไม่ผลีผลามที่จะรุกในเรื่องขึ้นภาษีนำเข้าต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีของตลาด


รายงานพิเศษ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับไปยืนเหนือแนวต้าน 1,650 จุดได้อีกครั้ง เนื่องด้วยตัวแปรที่ถ่วงตลาดหุ้นมีเข้ามาน้อยลง ความกังวลสงครามการค้าลดระดับลง และมองว่ารายงาน Beige Book หรือผลสำรวจผู้ประกอบการของสหรัฐฯ ที่กังวลต่อภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น จะทำให้สหรัฐฯ ไม่ผลีผลามที่จะรุกในเรื่องขึ้นภาษีนำเข้าต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีของตลาด

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนไหวด้วยผลประกอบการบริษัทที่กำไรรายงานออกมา ทำให้คาดว่าจะมีกระแสเงินทุนไหลกลับมาเข้ามาอีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดประเทศเกิดใหม่ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่แรงขายต่างชาติเริ่มลดลง

ด้วยภาพรวมปัจจัยที่ถ่วงตลาดช่วงนี้มีน้อยลง ซึ่งคาดดัชนีฯ เดินหน้าต่อ!?

ส่วนตลาดเดินหน้าต่อ กลยุทธ์ในการลงทุนในช่วงนี้ยังเน้นหุ้นปลอดภัย เลือกในตัวที่มีข่าวดี และปรับกรอบเป็นเล่นสั้น ๆ เนื่องด้วยตลาดยังขาดเม็ดเงินใหม่ ๆ ไหลเข้ามายังไม่ชัดเจน

สำหรับหุ้น Top Picks ขนาดใหญ่ เช่น IRPC, KTC, BEM, PTT ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่ราคาลงมาก บางตัวยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจในการเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ ประกอบด้วย AMATA, RS, BCH

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC มีลุ้นไตรมาส 2 ปี 2561 กวาดกำไรสุทธิ 4.3 พันล้านบาท เติบโต 247% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 55% จากไตรมาส 1 ปี 2561 เหตุมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 2.1 พันล้านบาท ดันกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ยืนเหนือ 17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2561 อยู่ที่ 1,305.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 786.65 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกปี 2561 กำไรสุทธิ 2,514.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,519.20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทางนักวิเคราะห์ประเมินว่า กำไรสุทธิของ KTC ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ จะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบรายไตรมาส คาดว่าการตั้งสำรองลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ทำให้สำรองส่วนเกินมากเพียงพอต่อความไม่แน่นอนในอนาคต, การขยายตัวของสินเชื่อที่ยังอยู่ระดับที่ดี ทั้งบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ลุ้นกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2561 ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังบันทึกกำไรขายหุ้น “ไซยะบุรี” และประหยัดดอกเบี้ยจากการรีไฟแนนซ์เงินกู้โครงการทางด่วนศรีรัชฯ อีกทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้ายังเติบโตแข็งแกร่งตามจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโอกาสเข้าประมูลงานทางด่วนและรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ได้แก่ มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี, ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ส่วนสายสีส้มคาดประมูลในปี 2562 รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีการประเมินว่ารายได้ของ ปตท. ในปี 2561-2563 จะมีอัตราการเติบโตปีละ 2-3% ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น โดยในปี 2561 คาดว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นมาที่กว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปีก่อนราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่แปรผันไปตามราคาตลาดโลก ก็มีผลทำให้แนวโน้มการเติบโตของกำไรจะเติบโตต่ำกว่ารายได้

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA มั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าระดับ 1.4 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากจะมีรายได้ประจำ (recurring income) เพิ่มขึ้น หลังในปีนี้จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าที่ร่วมลงทุนอยู่ครบทั้ง 10 โรง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ขณะที่ยอดขายนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้า 925 ไร่ พร้อมกับการมีแผนจะปรับขึ้นราคาขายที่ดินอีก 5% ในช่วงที่เหลือของปีนี้

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เป็นหนึ่งในหุ้น Domestic play ที่โดดเด่น และเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงในระยะยาว จากการขยายเข้าสู่ธุรกิจ MPC เพื่อช่วยลดการพึ่งพาธุรกิจ Media และ RS ยังคงเป็น Top pick ในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอาง

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เนื่องจากคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2561 กำไรโตสดใสทั้งจากครึ่งปีเดียวกัน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยแม้รายได้ประกันสังคมคาดโตชะลอตัวลง เนื่องจากรับรู้ผลการปรับขึ้นค่าบริการต่าง ๆ ครบเต็มปีหลังมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2560 และจำนวนผู้ประกันตนมีแนวโน้มลดลงราว 1 หมื่นคน หลัง รพ.ใหญ่ในเครือ 3 แห่งจะไม่ได้โควต้าพิเศษเช่นปีก่อน

อีกทั้ง ผู้ประกันตนเดิมของ รพ. เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ไม่สามารถย้ายไป รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ได้ครบหลังเต็มโควต้าแล้ว แต่คาดยังถูกชดเชยได้ด้วยการเติบโตที่ดีของกลุ่มเงินสด เพราะครึ่งปีหลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝนต่อเนื่องฤดูหนาวทำให้ยังคงมีการระบาดต่อเนื่องของโรคตามฤดูกาล

บริษัทข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างว่ายังมีโอกาสในการทำกำไรจากข่าวสนับสนุน!!

Back to top button