อินไซด์หุ้น TMB
ทีเอ็มบีหลังแจ้งผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 2,060 ล้านบาท ลดลง 13% ราคาหุ้นก็ร่วงลงอย่างหนัก
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ทีเอ็มบีหลังแจ้งผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 2,060 ล้านบาท ลดลง 13% ราคาหุ้นก็ร่วงลงอย่างหนัก
ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
มีการประชุมของผู้บริหารทีเอ็มบีกับนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ
ผลจากการดีดลูกคิดของนักวิเคราะห์หลังได้รับข้อมูลจากผู้บริหารพบว่า ส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นเชิงบวก
แต่ยังมีบางโบรกฯ ที่แนะนำ “ขาย” หุ้นทีเอ็มบีและมองว่า Underperform
จากการดูราคาเป้าหมายของโบรกฯ จำนวน 8 แห่ง พบว่า มีคำแนะนำ “ซื้อ” 5 แห่ง ถือ 1 แห่ง และให้ขาย 2 แห่ง
ราคาเป้าหมายสูงสุด 2.60 บาท และต่ำสุด 2.10 บาท
และมีราคาหุ้นที่เป็นค่าเฉลี่ย (จากโบรกฯ 8 แห่ง) อยู่ที่ 2.43 บาทต่อหุ้น
ราคาหุ้นทีเอ็มบีก่อนจะแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 หรือวันที่ 19 ก.ค.ปิดที่ 2.38 บาท
และวันที่ 20 ก.ค.เป็นวันที่ทีเอ็มบีแจ้งผลประกอบการ ปรากฏว่า ราคาลงมาปิด 2.24 บาท หรือร่วงลงกว่า 5.88%
หากมองราคาหุ้นทีเอ็มบีย้อนกลับไปในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2561 ที่ลงไปแถว 2.28–2.30 บาท หรือต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือน ก่อนที่ราคาหุ้นจะค่อย ๆ วิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และกระชากขึ้นมาสูงสุดที่ระดับ 2.50 บาทในช่วงเวลาไม่กี่วัน
ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างออกมาบอกแบบนี้ครับ
คือทีเอ็มบีจะมีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ได้คาดการณ์กันไว้ ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไรหุ้นกันเป็นจำนวนมาก และมูลค่าการซื้อขายก็กระโดดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดกันว่ากำไรของทีเอ็มบีจะอยู่ระหว่าง 2,200–2,300 ล้านบาท
แต่หลังจากราคาหุ้นขึ้นมาแตะ 2.50 บาทได้เพียง 1-2 วัน
จากนั้น ราคาหุ้นถูกขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง และมาปิด 2.38 บาท ก่อนวันแจ้งผลประกอบการ 1 วัน
ประเด็นคือว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เหมือนมีการรับรู้ “ข้อมูลภายใน” หรือไม่
เพราะหากดูจากเส้นกราฟ จะพบว่า มีการ “ลาก” ราคาหุ้นทีเอ็มบีขึ้นมา ก่อนจะทิ้งออกอย่างรวดเร็ว และเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปซื้อหุ้นในช่วงราคาที่ถูกไล่ขึ้นไป
ตอนนี้คงติดดอยกันเหมาเข่ง
และในช่วงนี้น่าจะยังคงเล่นรอบกันไป เพื่อทำให้ขาดทุนน้อยสุด
หรือไม่ก็ต้องตัดขาดทุนออกไปในทันที
เพราะธรรมชาติราคาหุ้นของทีเอ็มบี เวลาลงจะลงอย่างรวดเร็ว
และเวลาปรับขึ้น จะเป็นไปค่อนข้างช้า
ยิ่งล่าสุดที่บรรดาโบรกฯ แม้จะมีคำแนะนำ “ซื้อ” เป็นส่วนใหญ่ สำหรับหุ้นทีเอ็มบี
ทว่า ก็มีการปรับราคาเป้าหมายลงมาจากการปรับลดคาดการณ์กำไรในปี 2561 ลง หลังมองกันว่ารายได้ค่าธรรมเนียมของทีเอ็มบีจะลดลงและไปกดดันกำไรปีนี้
เช่น ในมุมมองของ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)
ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2018 ลง 14%
ปรับการเติบโตของสินเชื่อลงมาอยู่ที่ 5% จากเดิมที่ 8% เพราะสินเชื่อ SME ไม่ฟื้นตัวตามที่คาดไว้
ปรับ NIM ลดลงเหลือ 3.04% จากเดิมที่ 3.15%
และปรับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลงเหลือเพียง 10% จากเดิมที่เคยเติบโต 20% จากธุรกิจกองทุนรวมและ Loan related fee เติบโตน้อยมาก
และส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2018 อยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน
ส่วน บล.เคที ซีมิโก้ มองว่า แนวโน้มการทำกำไรยังมีความเสี่ยงอยู่
รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
และ TMB ยอมรับเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเป็นไปได้ยาก
รวมถึงผลกระทบจาก IFRS 9 ยังเป็นแรงกดดันในอนาคต
ดูไปแล้ว ราคาทีเอ็มบีน่าจะฟื้นตัวได้ยากในช่วงเวลาอันใกล้นี้
ใครที่เปลี่ยนหุ้นไปก่อนหน้านี้คงรอดตัวไป
แต่ใครที่เข้ามาก็คงจำใจตัดขาดทุนหรือเล่นรอบวนไปนั่นแหละ