RS จุดเริ่มต้น “ช่วงขาขึ้น”

หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังทำจุดต่ำสุด 14.00 บาท จาก “วิกฤตเครื่องสำอาง” ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ที่สำคัญกำลังทดสอบแนวต้าน 20.00 บาท หากผ่านได้ สถานีต่อไปอยู่ที่จุดไฮเดิม 35.75 บาท ด้วยเงื่อนไขตัวเลขกำไรที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ..!?


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

หุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังทำจุดต่ำสุด 14.00 บาท จาก “วิกฤตเครื่องสำอาง” ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ที่สำคัญกำลังทดสอบแนวต้าน 20.00 บาท หากผ่านได้ สถานีต่อไปอยู่ที่จุดไฮเดิม 35.75 บาท ด้วยเงื่อนไขตัวเลขกำไรที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ..!?

จุดเริ่มอยู่ตรงงบไตรมาส 2/2561 ที่ประเมินกันว่าจะเติบโตมากถึง 100-150% โดยมีพระเอกคือ “ธุรกิจ MPC (Multi-platform Commerce)” มีทั้ง ธุรกิจ Health & Beauty Product (H&B) และ ธุรกิจ Home & Lifestyle Product (H&L) เรือธงใหม่ค่าย RS มีการเติบโตอัตราเร่งเฉลี่ย 70-80% และกำลังเป็น STAR  ตัวใหม่ไปแล้ว..!

โมเดลธุรกิจที่ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานใหญ่ RS วางไว้.. นั่นคือการนำสินทรัพย์เดิมไม่ว่าจะเป็นสถานี โทรทัศน์ช่อง 8 ดารานักแสดงในสังกัดที่มีอยู่มาช่วยสนับสนุนธุรกิจใหม่ MPC ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันและผลักดันอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นด้วย

แต่จุดเปราะบางอยู่ที่ “การบริหารกระแส” ทั้งสุขภาพ-ความงามให้เกิดความนิ่งได้อย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ ธุรกิจประเภทนี้ “เติบโตเร็ว แต่ตกต่ำเร็ว” ได้เช่นกัน.. จึงมีความเสี่ยงเรื่องต้นทุนเพื่อ “เลี้ยงกระแส” หรือ “เกาะกระแส” อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับ “ธุรกิจมีเดีย” โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ล่าสุด อัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 40,000 บาทต่อนาที จากเดิมอยู่ที่ 32,000 บาทต่อนาที อัตราการใช้สื่อโฆษณา 45% จากเดิม 35% แม้เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แต่น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ที่อัตราการใช้สื่อโฆษณา 60% เพราะมีการนำสื่อโฆษณามาใช้ในธุรกิจ MPC ของ RS เอง เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41%  เพิ่มขึ้นจาก 37%  เพราะสินค้า MPC ที่มาร์จิ้นสูง..มียอดขายเพิ่มขึ้น..

การปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำให้หุ้น RS มีเสน่ห์มากขึ้น เพียงแค่ราคาหุ้น “สะดุดกระแส” ปรับตัวลงชั่วคราว ทำให้การฟื้นตัวของหุ้น RS รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น..!!

แต่ทว่า..ราคาหุ้นจะกลับไปสู่จุดเดิม 35.75 บาท ได้หรือไม่..อาจต้องเจอบททดสอบกันอีกหลายรอบ

ที่สำคัญขึ้นอยู่กับว่า จะเจอ “ขาใหญ่” จะทุบเอาของด้วยหรือไม่..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button