รถไฟความเร็วสูงจีน
กว่า 4 ทศวรรษมาแล้วนะครับ นับแต่ปีค.ศ.1976 ที่จีนประกาศนโยบาย 4 ทันสมัยตามความคิดของคนโตตัวเล็ก เติ้ง เสี่ยว ผิง
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
กว่า 4 ทศวรรษมาแล้วนะครับ นับแต่ปีค.ศ.1976 ที่จีนประกาศนโยบาย 4 ทันสมัยตามความคิดของคนโตตัวเล็ก เติ้ง เสี่ยว ผิง
4 ทันสมัยที่ว่านั้นก็คือ เกษตรทันสมัย อุตสาหกรรมทันสมัย การทหารทันสมัย กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย
ผ่านมาแล้ว 43 ปี รัฐบุรุษเติ้ง เสี่ยว ผิง ไม่ได้อยู่ดูผลงาน แต่ความฝันของเขาเป็นจริง จีนสามารถเติมเต็มความทันสมัยครบถ้วนทั้ง 4 ด้านอย่างสมบูรณ์แบบ และยังก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
เศรษฐกิจจีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกมาหลายปีแล้ว และจะก้าวขึ้นแซงหน้าอภิมหาอำนาจสหรัฐฯ ขึ้นเป็นอันดับ 1 แน่นอนในช่วง 5-10 ปีข้างหน้านี้
รถไฟความเร็วสูงจีนหรือ “ไฮสปีด เทรน” ซึ่งมาควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนจีน ก็เป็นพัฒนาการเชิงนวัตกรรมที่น่าทึ่งที่สุดอย่างหนึ่งของโลก
โครงข่ายไฮสปีด เทรนของจีน ครอบคลุมไปทั่วผืนแผ่นดินใหญ่ ทั้งเส้นทางแนวตั้งจากเหนือไปใต้ และเส้นแนวขวาง ตะวันออก-ตะวันตก มีระยะทางรวมกันนับได้ถึง 25,000 กิโลเมตร
นับเป็น 66% ของโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงทั้งโลก และเป็นอันดับ 1 โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของโลก แต่ละวันจะมีรถไฟหัวกระสุนวิ่งทั่วแผ่นดินจีน (ยกเว้นทิเบต) และขนผู้โดยสารถึงวันละ 4 ล้านคน
ทางการจีนตั้งเป้าหมายไว้ว่า เมื่อถึงปี 2020 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงจะมีระยะทางยาวรวมกันถึง 30,000 กิโลเมตร ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลถึงร้อยละ 80
อัตราความเร็วของไฮสปีด เทรนจีนเวลานี้ ถ้าไม่นับรวมรถไฟฟ้าแม็กเลฟเส้นทางผู่ตง-สนามบินเซี่ยงไฮ้ ก็สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมงแล้ว
เส้นทางปักกิ่ง-เทียนจิน ระยะทางร่วม 200 กิโลเมตร ซึ่งแต่ก่อนใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟธรรมดา ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ขณะนี้ร่นระยะเวลาเหลือเพียง 35 นาทีเท่านั้น
ไม่ทันกินข้าวหมดคำด้วยซ้ำก็ถึงเสียแล้ว อย่างนี้คุณภาพชีวิตจะไม่ดีขึ้นได้อย่างไร
เส้นทางจากกวางเจาสู่ปักกิ่ง ระยะทาง 2,300 กม.ซึ่งแต่ก่อนใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟธรรมดา 2 คืนกับ 1 วัน ไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง แต่เดี๋ยวนี้หั่นเวลาลงเหลือเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น
อย่างนี้คุณภาพชีวิตจะไม่ดีขึ้นอย่างไร
เส้นทางเชื่อมมหานครปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 18 นาที เส้นทางจากปักกิ่งสู่มองโกเลียใน กำหนดจะแล้วเสร็จและเปิดการเดินรถสิ้นปีหน้า จะช่วยย่นระยะเวลาเดินทางจาก 9 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
นับวัน ความนิยมเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงในจีนยิ่งเพิ่มพูนขึ้นด้วยความสะดวกรวดเร็ว ไม่แพ้เครื่องบินหรืออาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องเช็กอิน รอรับสัมภาระ และการเดินทางออกจากสนามบินสู่จุดหมาย ซึ่งมักจะอยู่ห่างไกลตัวเมือง
การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง จะเชื่อมโยงสู่ตัวเมืองได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาเข้าเมืองเหมือนเครื่องบิน
ขณะนั่งไปในรถไฟความเร็วสูงก็สามารถนั่งทำงานพร้อมกันไปด้วยได้จากการสื่อสารทางโทรศัพท์ การส่งข้อมูลทางออนไลน์ และการเรียกดูข้อมูลต่าง ๆ ครอบครัวก็อบอุ่นเพราะระยะทางไม่เป็นอุปสรรค
คุณภาพชีวิตยกระดับขึ้นแน่นอน
ผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจที่ตามมาจากรถไฟความเร็วสูงมีทั้งเรื่องการท่องเที่ยว ไม่ว่าผู้โดยสารจะเป็นชาวจีน หรือต่างชาติ ซึ่งนับวันยิ่งมีเพิ่มขึ้นทุกที
การเชื่อมโยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนของการไปมาหาสู่เพื่อร่วมดำเนินการในกิจกรรมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องพบปะ ก็สามารถกระทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ขณะที่ภาคการขนส่ง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีความสลักสำคัญ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงจะช่วยตอบโจทย์การขนส่ง “สินค้าปริมาณมาก ในเวลาอันรวดเร็ว” ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน ความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงข่ายระบบรางของจีนไม่เพียงแต่เฉิดฉายในประเทศตัวเองเท่านั้น แต่ยังออกมาโลดแล่นบนเวทีโลก เป็นที่เรียบร้อย (โรงเรียนจีน)
ด้วยผลงานการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงนอกประเทศเป็นครั้งแรกในตุรกี เมื่อปี 2557 การร่วมพัฒนาระบบราง ความยาว 770 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อเมืองคาซานในรัสเซียกับเมืองหลวงมอสโก ในปี 2558 และล่าสุด จีนยังออกหน้าเป็นแกนหลักในการก่อสร้างไฮสปีด เทรน เส้นทางระหว่าง จาการ์ตา กับ บันดุง ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
เรียกได้ว่า เป็นการสร้างประโยชน์แก่ภาคประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจ ให้ได้รับความสะดวกสบาย ทั้งในประเทศตัวเอง และในประเทศอื่น อย่างไรก็อย่างนั้น
หนำซ้ำ ยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง จำหน่ายระบบ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของที่ปรึกษาโครงการ หรือไปจนถึงการเป็นผู้บริหารจัดการระบบเดินรถให้กับหลายประเทศ
กระทั่งประเทศไทยเราเอง โดยคสช. ก็ยังมีความประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะใช้บริการจีนในการรังสรรค์โครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งดูแล้วถือว่ามีความเป็นไปได้มากสุด ณ ขณะนี้
ทว่า แม้ปัจจุบันผ่านขั้นตอนการวางศิลาฤกษ์ไปพลางแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีความชัดเจนในแง่การปฏิบัติสักเท่าไหร่นัก
เฮ้อออ…ไม่รู้ว่ามีปัญหาขัดข้องอันใด หรือเกิดความผิดปกติขึ้นอย่างไรกับรัฐบาลที่ไม่ปกติชุดนี้…