จะหลุด 1,700 จุดไหม
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นของเอเชียปิดตลาดต่างร่วงระนาวกันถ้วนหน้า
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นของเอเชียปิดตลาดต่างร่วงระนาวกันถ้วนหน้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 21,857.43 จุด ลดลง 440.65 จุด, -1.98%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีปิดที่ 2,248.45 จุด ลดลง 34.34 จุด, -1.50%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,785.87 จุด ลดลง 9.44 จุด, -0.34%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,861.25 จุด ลดลง 215.92 จุด, -3.55%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,783.34 จุด ลดลง 22.41 จุด, -1.24% และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,245.34 จุด ลดลง 39.44 จุด, -1.20%
ปัจจัยหลัก ๆ มาจากนักลงทุนวิตกกังวล “วิกฤติการเงิน” ของตุรกี
และปัญหานี้จะลุกลามบานปลาย กระทั่งส่งผลลุกลามไปยังเศรษฐกิจและการเงินของประเทศอื่น ๆ
ค่าเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
จากก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำของของสหรัฐฯ สั่งให้เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีขึ้น 2 เท่า
ค่าเงินตุรกียังถูกกดดันหลังจากที่นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เรียกร้องให้ชาวตุรกีแปลงสกุลเงินดอลลาร์และทองคำให้อยู่ในรูปสกุลเงินลีราอีกด้วย
สกุลเงินลีราทรุดตัวลง 33% เทียบดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2560
เหตุผลก็เพราะ ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
และรัฐบาลตุรกีใช้งบประมาณจำนวนมากกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีตุรกีได้เข้าแทรกแซงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของไทยต่างฟันธงกันว่าวันนี้หุ้นไทยมีโอกาสรูดตามแน่นอน
ดัชนีมีแนวรับอยู่ในช่วง 1,680–1,685 จุด
เมื่อวันศุกร์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับลง 16.52 จุด ปิดที่ 1,705.96 จุด เปลี่ยนแปลง 0.96%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างชาติ จะยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ หลังจากซื้อมา 10 วันทำการติดต่อกันกว่า 1.30 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ต่างชาติเริ่มทยอยขายหุ้นในตลาดภูมิภาคออกไปกันบ้างแล้ว
เมื่อปัจจัยจากต่างประเทศไม่เกื้อหนุน
เลยหันมาดูปัจจัยในประเทศ ก็จะพบว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมา
นอกจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (ที่ทำเซอร์ไพรส์)
ก็ยังไม่เห็นหุ้นกลุ่มไหน หรือบริษัทที่แจ้งงบแบบเซอร์ไพรส์ตลาดมากนัก
ผลประกอบการส่วนใหญ่จะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว ซึ่งบางบริษัทอาจต่ำกว่าคาด หรือสูงกว่าคาด แต่ก็ไม่ได้เป็นจำนวนที่คาดกันไว้มากนัก
บล.เอเซีย พลัส ทำข้อมูลออกมา มีบริษัทจดทะเบียนรายงานงบฯ แล้วราว 180 บริษัท (ณ วันที่ 9 ส.ค.) คิดเป็น 53% ของมาร์เก็ตแคปทั้งตลาด
ทั้งหมด ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 1.47 แสนล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะบริษัทที่ประกาศงบฯ แล้วกับงวดไตรมาส 2/2560 พบว่าเติบโตราว 12.5%
แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2561 พบว่าไตรมาสนี้กำไรฯ ลดลงราว 20%
ล่าสุดหุ้น “พี่ ป.” หรือ PTT รายงานกำไรสุทธิ 3 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขนี้แม้จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปี 2560 (3.13 หมื่นล้านบาท) แต่ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ ไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไร
ขณะที่หุ้นไทยก่อนหน้านี้วิ่งขึ้นมาโดยตลอด
โอกาสเกิด Sell on Fact หรือขายทำกำไรมีอยู่ค่อนข้างสูง
มีคำถามว่า โอกาสที่หุ้นไทยวันนี้จะรอดมีหรือไม่
คำตอบคือ ต้องดูหุ้นยุโรปปิดเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาว่า รีบาวด์หรือไม่ หลังจากช่วงเกิดตลาดพากันดิ่งเหว 2-3%
รวมถึงดาวโจนส์จะกลับมาฟื้นด้วยหรือไม่