‘เสือนอนกิน (รวบ)’ ที่สนพ.!?
ว่ากันว่าสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กลายเป็น “เสือนอนกิน” ที่ตั้งตนเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเองซะอย่างนั้น โดยลือกระฉ่อนกันว่า หน่วยงานนี้จะพิจารณาเรื่องเพื่อนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เฉพาะโครงการที่เป็นพวกพ้อง หรือโครงการที่ตอบแทนกลับมาสู่ผู้บริหารระดับสูงของ สนพ. อย่างน้อย 20% เท่านั้น ซึ่งใคร หรือว่าโครงการไหนไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขนี้ ก็จงหลีกไปให้ไกล อย่าสะเออะย่างกรายเข้ามาใกล้เป็นอันขาด
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ว่ากันว่าสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กลายเป็น “เสือนอนกิน” ที่ตั้งตนเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเองซะอย่างนั้น โดยลือกระฉ่อนกันว่า หน่วยงานนี้จะพิจารณาเรื่องเพื่อนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ เฉพาะโครงการที่เป็นพวกพ้อง หรือโครงการที่ตอบแทนกลับมาสู่ผู้บริหารระดับสูงของ สนพ. อย่างน้อย 20% เท่านั้น ซึ่งใคร หรือว่าโครงการไหนไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขนี้ ก็จงหลีกไปให้ไกล อย่าสะเออะย่างกรายเข้ามาใกล้เป็นอันขาด
ฉะนั้นจึงเป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า ผู้ที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุน จึงมักจะเป็นรายเดิม ๆ และมีการจัดการอย่างเป็นขบวนการ ระดับมืออาชีพที่ไม่ใช่มือสมัครเล่นแน่ ๆ !!!???
ขั้นตอนการเขมือบเงินกองทุนฯ เริ่มจากตั้งบริษัทขึ้นมารับงานบริหารโครงการเพื่อพิจารณาเอกสาร และทำงานธุรการ โดยจ้างเจ้าหน้าที่ประมาณ 20-30 คน เข้ามานั่งประจำกองอนุรักษ์พลังงานฯ ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เสมือนหนึ่งเป็นข้าราชการ โดยใช้นอมินีที่มีดีกรีเป็นเด็กวิศวะจบใหม่ เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการ
มีการตั้งบริษัทครั้งแรกชื่อบริษัท อ. (ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับด้านพลังงาน) ชื่อเต็มคลับคล้ายคลับคลา “เอ็น ๆ ชั่น ๆ” อะไรทำนองอย่างว่า จำแน่นอนไม่ได้นัก แต่มีทายาทนักการเมืองเป็นผู้นั่งกุมบังเหียน และมีข่าวลือที่ว่ากันว่า คุณหญิง (งาม) รายหนึ่ง ผู้ชื่นชอบเรื่องราวคาวการเมือง อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำนี้เสียด้วย!?
ต่อจากนั้น บริษัท อ. มีการขยายปีกไปเกี่ยวพันกับเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทน (พพ.) และได้ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในชื่อบริษัท อ. เช่นกัน แต่ก็จำชื่อเต็มได้ไม่ค่อยแน่ชัด จำได้แต่เพียงคร่าว ๆ ว่า “เอ็น ๆ ลิงค์ ๆ” เท่านั้น โดยบริษัทใหม่แห่งนี้ ปรากฏชื่อ 2 บิ๊ก ส. คือ ส.สัญ กับ ส.สิทธิ ซึ่งเป็นทีมงานชุดดรีมทีมของบริษัท อ. (เดิม) นั่งเป็นกรรมการในบริษัท อ. (ใหม่) เสมือนหนึ่งเป็นบุคคลเกี่ยวโยงกันอย่างไรอย่างนั้น
ที่สำคัญการจัดจ้างทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เป็นการจ้างด้วยวิธีพิเศษมาโดยตลอดในงบประมาณปีละ 20-30 ล้านบาท..ซะด้วย..!!??
เป็นที่น่าสนใจว่า เมื่อบริษัท อ. (ใหม่) ประสานงาน และดีลผลประโยชน์กลับมาแล้ว ส่งผลให้ให้ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มาขอเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน กลายเป็นผู้มีอันจะกินอย่างล้นเหลือกันถ้วนหน้า
หนึ่งในนั้นคือ ข้าราชการหญิงระดับซี 6 ตั้งแต่สมัยกระนู้น ชื่อ ช.ชนา เจ้าของผลงานชิ้นโบว์แดงแสลงใจ ด้วยการเอื้อประโยชน์เปิดทางให้โครงการโซลาร์ฟาร์ม จนปัจจุบันผู้ขอโครงการร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกแล้ว
ส่วนข้าราชการหญิงรายที่ว่านี้ ก็ได้กรรมดีจากการเป็นฟันเฟืองในขบวนการเอื้อฯ หนุนให้ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าแม่เงินกองทุนฯ มีฐานะร่ำรวย มีคอนโดมิเนียมหรูย่านทองหล่อ และได้รับการโปรโมตจาก บิ๊ก ท. (ผู้บริหารระดับสูง สนพ.) ให้ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารระดับ (เกือบ) สูงสุดของ สนพ.
แต่ทว่า..เรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คือ ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่นัก ความฉาว ๆ คาว ๆ จึงเหม็นหึ่งไปถึงจมูก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อาจต้องลงมาเคลียร์ปมเรื่องนี้ เนื่องจากแว่ว ๆ มาว่า งานนี้ บิ๊ก ท. แห่ง สนพ. ก็มีท่าทีขึงขัง พร้อมกับแสดงอากัปกิริยาชัดเจนว่า “ไม่ยอมง่าย ๆ แน่นอน..!!”
นอกจากนี้ ยังว่ากันว่าเมื่อ บิ๊ก ท. และข้าราชการหญิงคนดังกล่าวร่วมมือกัน ก็ได้กระทำการตักตวงผลประโยชน์เงินกองทุนฯ โจ๋งครึ่มหนักกว่าเก่า ส่งผลให้มีความอู้ฟู่ร่ำรวยขึ้น เพราะช่วงที่ บิ๊ก ท. ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ลือกันให้แซดใน สนพ.ว่า นอกเหนือจากกินหัวคิว 20% แล้ว บางโครงการมีการใช้สถาบันการศึกษามาบังหน้าในการขอเงินกองทุนฯ
โดยจะมีบริษัท และทีมงานเข้าไปดำเนินโครงการเอง ทำให้ได้เงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น การใช้หัวโขนเป็นมหาวิทยาลัยดังย่านเสรีไทย มารับงานบริหารโครงการประชาสัมพันธ์ ตกปีละไม่มากไม่น้อย ประมาณ 20 ล้านบาท
แต่!!! มีการใช้คนของตัวเองทำงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทประชาสัมพันธ์ในเครือที่มีอยู่ประมาณ 5-6 บริษัท อาทิ บริษัท ซ.ซิน บริษัท บ.บลู บริษัท ซ.ซี บริษัท ก.โกล บริษัท ค.คา และบริษัท จ.จิ (คอยาว) เป็นต้น
เอ้า…ตามนั้น! ไหน ๆ เรื่องก็ไปสะกิดจมูกนายกฯ เข้าให้แล้ว เห็นรัฐบาล คสช.ย้ำนักย้ำหนาว่าจะ “กวาดล้างกระบวนการโกงของข้าราชการทุจริต” เอาเป็นว่าเรื่อง “เสือนอนกิน(รวบ)ใน สนพ.” ที่ว่านี้..น่าจะกวาดล้างได้ไม่ยากเย็นเกินไปกระมัง..!??
….อิ อิ อิ…