แก๊งขนมเค้ก
เมื่อวาน เขียนถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้บุคคลที่ตกเป็นข่าวโยงใยกับกรณีการกล่าวหาว่าหลอกลวงเงินมูลค่ากว่า 790 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท Expay Group จำกัด สินทรัพย์ดิจิทัลชื่อ Dragon Coin และบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA จำนวน 5 คนมาพบพนักงานสอบสวน ในวันที่ 29 ส.ค. ว่า คล้ายคลึงกับนวนิยายชื่อก้องโลกที่ตีแผ่กำพืดมนุษย์ที่สร้างปัญหาให้โลกวุ่นวาย 3 ประเภท ก็ปรากฏเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ข้อสรุปต้องเปลี่ยนไป
พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิกุล
เมื่อวาน เขียนถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้บุคคลที่ตกเป็นข่าวโยงใยกับกรณีการกล่าวหาว่าหลอกลวงเงินมูลค่ากว่า 790 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท Expay Group จำกัด สินทรัพย์ดิจิทัลชื่อ Dragon Coin และบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA จำนวน 5 คนมาพบพนักงานสอบสวน ในวันที่ 29 ส.ค. ว่า คล้ายคลึงกับนวนิยายชื่อก้องโลกที่ตีแผ่กำพืดมนุษย์ที่สร้างปัญหาให้โลกวุ่นวาย 3 ประเภท ก็ปรากฏเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ข้อสรุปต้องเปลี่ยนไป
การเปิดตัวของคนที่เกี่ยวข้องผ่านสื่อ โดยไม่รอให้มีกระบวนการยุติธรรมเริ่มงาน ในสองลักษณะ
คือ แถลงข่าวต่อหลายสื่อ กับ การให้สัมภาษณ์สื่อที่ “คัดสรร” แล้ว
อย่างแรกคนกระทำคือ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส่วนอย่างหลังคนที่ตกเป็นข่าวกระทบคือ นายปริญญา จารวิจิตร ที่มีข่าวว่าหลบหนีไปต่างประเทศ และนางสาวชนนิกานต์ แก้วกาสี หรือ “แตงโม” ภรรยาของเจ้าทุกข์ที่อ้างว่าเป็นนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ Aarni Otava Saarimaa หรือ อาร์นี
สถานการณ์ของการเปิดตัวของคนที่เกี่ยวข้อง แม้จะยังไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ว่า ใครหลอกใคร ใครฟอกเงินให้ใคร และใครได้ใครเสียจากกรณีดังกล่าว หรือเป็นแค่ “ผลประโยชน์ไม่ลงตัว” ธรรมดา (เพราะอย่างไรเสียก็ต้องรอวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งคนที่ถูกเรียกตัว 5 คน ต้องไปพบตำรวจก่อน) แต่เริ่มอลวนกันต่อไปชนิดที่คล้ายคลึงกับเรื่องราวในภาพยนตร์ตลกเมื่อ 30 ปีเศษ
ภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง Bugsy Marlone หรือ แก๊งขนมเค้ก ดูจะเข้าบรรยากาศมากที่สุด ดีกว่าพี่น้องคารามาซอฟภาคพิสดาร
เหตุผลเพราะคนที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ที่เป็นแกนหลักล้วนอายุไม่เกิน 30 ปี ไม่นับ ดร.ประสิทธิ์ (ที่คาดเดาอายุจากใบหน้าหรือโนมพรรณยากมาก)
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เขียนบทและกำกับโดย Alan Parker ชาวอังกฤษ ขยันทำหนังแบบไม่เหมือนใครอยู่แล้ว โดยจับเอาหนังแนว Gangster หรือเจ้าพ่อมาทำเป็นหนังเพลง แล้วดาราแสดงเป็นเด็กทั้งเรื่อง
เหตุเกิดในนิวยอร์กยุคสองขั้วมหาอำนาจแห่งเมืองกำลังเตรียมเปิดศึกโค่นอีกฝ่ายชนิดที่ไม่มีคำว่าปรานี ฝ่ายแรกเป็นเจ้าถิ่นเก่า กับเจ้าพ่อผู้มาใหม่ ไล่ล่าประทุษร้ายกัน กำจัดกำลังพลของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ทางฝ่ายแรกมีบั๊กซี่ มาโลน มาร่วมวางแผนรับมือ
นอกจากบั๊กซี่จะต้องรับมือศึกระหว่างแก๊งแล้ว เขายังต้องเจอศึกรักกับสาวสองคนมาตกหลุมรักเขา คนแรกนักร้องตกงาน กับอีกคนก็คือเด็กในการปกครองของเจ้าพ่อเก่า
ตัวละครทุกตัวที่เป็นมาเฟียถูกสวมบทโดยเด็ก ส่วนผสมของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างลงตัวแบบแปลก ๆ ที่เสียดสี “จิกกัด” พฤติกรรมของ “ผู้ใหญ่” ที่เป็นนักเลงเจ้าพ่อ กับพวกพฤติกรรมโหด ๆ ประเภทใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย เอาเข้าจริงก็เป็นแค่ “เด็กไม่ยอมโต” แบบปีเตอร์แพน ที่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ และวิ่งหนีเงาตัวเองมากกว่า ไม่ได้มีวุฒิภาวะเท่าไรเลย
กรณีนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีคนเริ่มเรียนรู้วิธีสร้างความร่ำรวยทางลัดด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลที่แปลงค่าเทียบเท่าเงินสะดวก หรือ easy money คนหนุ่มสาวที่เก่งด้านใช้เครือข่ายออนไลน์ก็สถาปนาตนเองเป็นผู้ช่ำชองด้านการ “ปั่นเงิน” เพื่อสร้างความมั่งคั่งในทางลัด โดยสร้างเครือข่ายสัมพันธ์ข้ามชาติกลายเป็นขบวนการ “ทุนต่อทุนขึ้นมา”
อีกด้านหนึ่ง นักการเงินที่เชื่อมั่นว่า หากตนเองเข้าถึงกลุ่มทำฟินเทคได้ก่อนใครอื่น ก็จะกลายสภาพตนเองเป็น “สะพานเชื่อม” ที่ทอดยาวข้ามบันไดสวรรค์ไปสร้างความมั่งคั่งไร้ข้อจำกัด โดยใช้เครื่องมือทางการเงินเก่า ๆ เช่น หุ้นหรือตราสารหนี้อื่น ๆ มาใช้เป็นช่องทางสร้างสะพานดังกล่าว
โมเดลสร้างความมั่งคั่งด้วยบล็อกเชนที่โยงใยมาถึงหุ้นสามัญของ DNA และเป็นต้นธารของความขัดแย้งที่กลายมาเป็นคดีกล่าวโทษกันไปมา จึงเป็นกรณีศึกษาด้านมืดของทุนในรูปสินทรัพย์ดิจิทัลเล็ก ๆ เท่านั้น
คำพูดในงานแถลงข่าว ดร.ประสิทธิ์ ที่ย้อนแย้งกันเองว่าด้านหนึ่งตนเองเป็นผู้เสียหาย จากการทำหน้าที่ Deal Maker ในกลุ่มที่ทำธุรกิจร่วมกับนายปริญญา จารวิจิต (ซึ่งมีนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา หรือ อาร์นี ชาวฟินแลนด์ และนางสาวชนนิกานต์ แก้วกาสี หรือ แตงโม เป็นผู้เสียหายหลักในคดี) โดยลูกค้าของตนโอนเงินให้นายปริญญา โดยใช้เครดิตจากตัวเขาเอง แต่ถูกโกงไป ต้องอยู่ในสภาพ “แพะรับบาป” แต่เรื่องราวที่เชื่อมโยงกับผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เข้ามาเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ย แล้วโยงใยถึงหุ้น DNA ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
อีกด้านหนึ่ง น.ส.ชนนิกานต์ แก้วกาสี หรือ “แตงโม” ภรรยานาย Aarni Otava Saarimaa หรือ อาร์นี ก็ออกมาเปิดตัวแสดงตนด้วยความคลุมเครือให้ให้สัมภาษณ์สื่ออนไลน์สั้น ๆ ว่า ตนเป็นผู้เสียหายจากคดี แต่ยังไม่ต้องการชี้แจงใด ๆ ออกสื่อ ไม่ว่าเรื่อง 1) ทำไมอาร์นี ชาวฟินแลนด์ ถึงมาแลกเปลี่ยนบิตคอยน์และลงทุนในประเทศไทย 2) หลักฐานที่อ้างว่าพิสูจน์ได้ทุกอย่าง เพราะไม่มีประโยชน์ใด ๆ ที่จะพูด ตอนนี้ขอเวลารอทุกอย่างชัดเจน 25 สิงหาคมนี้ แต่ก็ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา มีการเจรจากับนายประสิทธิ์หลายครั้ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาได้ เพราะการเจรจายังไม่ชัดเจน 100%
อีกด้านหนึ่ง นายปริญญาก็ให้ข่าวว่า ตนเองไม่ได้หลบหนี พร้อมกลับมาแก้ต่างข้อหาในเดือนหน้า
ข้อมูลต่างมุมที่ย้อนแย้งประหนึ่งคำให้การในศาลของละครเรื่อง “ราโชมอน” จนกระทั่งยากจะรู้ความจริงว่าอยู่ที่ไหน สะท้อนพฤติกรรมของแก๊งขนมเค้กออกมามากยิ่งขึ้น
คนที่นั่งดูเสมอนอกน่าจะถือว่าเป็นเกมที่มีไว้ดูฆ่าเวลาเท่านั้น เอาจริงเอาจังคงไม่ได้ แบบที่ภาษิตเก่าแก่ “คบเด็กสร้างบ้าน” ว่าไว้