พาราสาวะถี
ยิ่งแก้ต่างแก้ตัวยิ่งทำให้เห็นถึงเบื้องหลังขบวนการอันนำพาตัวเองก้าวขึ้นสู่อำนาจเผด็จการ วันวานในการพบปะกับประชาชนที่ชุมพร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดทั้งเรื่องจำนำข้าว ทั้งการเยียวยาผู้ชุมนุม 7.5 ล้านบาท อันเป็นสิ่งที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำไว้ก่อนหน้า พร้อมย้ำไม่ได้ใช้วิธีพิเศษจัดการ ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย
อรชุน
ยิ่งแก้ต่างแก้ตัวยิ่งทำให้เห็นถึงเบื้องหลังขบวนการอันนำพาตัวเองก้าวขึ้นสู่อำนาจเผด็จการ วันวานในการพบปะกับประชาชนที่ชุมพร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดทั้งเรื่องจำนำข้าว ทั้งการเยียวยาผู้ชุมนุม 7.5 ล้านบาท อันเป็นสิ่งที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำไว้ก่อนหน้า พร้อมย้ำไม่ได้ใช้วิธีพิเศษจัดการ ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย
ไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แม้จะไม่ยืนยันว่าเลือกพรรคการเมืองไหน หรือจะเล่นการเมืองในนามการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ท่าทีและสิ่งที่แสดงออกมันชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่า เล่นแน่และจะกลับมาอยู่ในอำนาจไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ที่คนภายใต้อำนาจเผด็จการได้เขียนกฎหมายกันไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่หัวหน้าเผด็จการอ้างมาโดยตลอดว่าทุกอย่างยึดกฎหมายเป็นหลัก
ทุกวันนี้ไม่ต้องสงสัยว่าคนชื่อประยุทธ์เป็นนักการเมืองหรือไม่ เป็นมากกว่านักการเมืองเสียด้วยซ้ำไป เพราะลีลาที่แสดงให้เห็น นักการเมืองที่ได้ชื่อว่าเขี้ยวลากดินยังชิดซ้าย เอาแค่ที่พูดไปวันวานเรื่องระบบอุปถัมภ์อยู่กันแบบเครือญาติ มีความเห็นใจซึ่งกันและกัน ตรงนี้ไม่ต้องให้ใครมาพิสูจน์ก็กรณีที่มีหลานของใครบางคนใช้ค่ายทหารเป็นที่ตั้งบริษัทแล้วหากินกับกองทัพนั่นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในแง่ของความโปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติของใครก็ตามที่อ้างว่ายึดกฎหมายเป็นหลักได้เป็นอย่างดี
ส่วนที่บอกว่ายังไม่ตัดสินใจสังกัดพรรคไหน และมีคนสนับสนุนตัวเองจำนวนมาก สนับสนุนให้อยู่จำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าท่านไปทึกทักเอาจากที่ได้ฟังคนเชียร์ตอนลงพื้นที่ครม.สัญจร หรือยึดเอาผลสำรวจความเห็นของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อครั้งกระโน้นที่บอกว่ามีคนสนับสนุนถึงร้อยละ 99.50 ถ้านั่นก็ถูกของท่านที่จะเข้าใจเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้กระมังจึงทำให้กล้าที่จะประกาศว่าเลือกตั้งเบื้องต้นคือยึดเอาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้าเป็นที่ตั้งไว้ก่อน พร้อมออกตัวว่าคงไม่เลื่อนให้เร็วกว่านี้ได้ ส่วนจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนให้ช้าออกไป เอาไว้ว่ากันอีกที นี่แหละ ธาตุแท้ของนักการเมือง บางคนบางพรรคที่เคยถูกเรียกว่าพวกปลาไหลใส่สเก็ต คงต้องยอมศิโรราบแล้วยกฉายาดังว่าให้ผู้นำเผด็จการรายนี้ไปได้เลย
ขณะเดียวกันเรื่องการทวงบุญคุณบอกแล้วว่า ทุกเวทีจะต้องมีการอ้างถึง ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้มากกว่ารัฐบาลเผด็จการคสช.อีกแล้ว เป็นธรรมดาของพวกกลอนพาไปเวลาอยู่ต่อหน้าประชาชน แต่หากมีใครแหลมตะโกนถามขึ้นว่า ทำมากแล้วประชาชนได้มากขนาดไหน ไม่รู้ว่าท่านผู้นำจะทำหน้าหรือตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไร
แต่คงไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้น ประเดี๋ยวจะถูกตั้งข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงเข้าให้ ซึ่งจนถึงวันนี้คนส่วนใหญ่เริ่มจะเข้าใจแล้วว่า บรรดากฎหมายพิเศษต่าง ๆ รวมไปถึงมาตรายาวิเศษอย่าง ม. 44 นั้น เดิมทีมองไม่ออกว่าความหมายของความมั่นคงเขาตีความอย่างไร สั้น ๆ ง่าย ๆ เข้าใจได้ทันที เป็นภัยต่อความมั่นคงต้องมีวงเล็บว่าต่อเก้าอี้ของท่านผู้นำนั่นเอง
ด้านผลการหารือระหว่าง วิษณุ เครืองาม กับกกต.ชุดใหม่เมื่อวันจันทร์ ยืนยันจากเนติบริกรประจำรัฐบาล ไม่ได้รายงานให้ที่ประชุมครม.รับทราบ แต่จะทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรให้หัวหน้าคสช.ในวันนี้ สิ่งที่น่าจับตามองคือปมไพรมารีโหวต น่าจะชัดเจนหากถอดรหัสจากคำพูดรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย หากจะใช้วิธีการอื่นแทนต้องให้คสช.เป็นฝ่ายเคาะ
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าข้อทักท้วงของบรรดาพรรคการเมืองต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ เรื่องที่จะไม่มีการทำไพรมารีโหวต เพราะความไม่พร้อมของพรรคคสช.เอง นั่นหมายความว่า สิ่งที่วิษณุแพลมออกมา มันก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า จะหาเหตุให้ใช้อำนาจพิเศษเพื่อมาจัดการเรื่องนี้ จะได้ไม่มีใครกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
หากมองในมุมที่ต้องการความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็หนีไม่พ้นใช้ ม. 44 ส่วนวิธีการนั้นไม่ใช่ปัญหา ไม่ต่างกันกับคำอธิบาย ถ้าโยนให้หัวหน้าเผด็จการเป็นผู้ชี้แจงแต่เพียงผู้เดียว ถามว่าจะมีใครจับได้ไล่ทันหรือไม่ แค่ตีหน้ายักษ์ขู่ แยกเขี้ยวใส่ ก็ไม่มีนักข่าวหน้าไหนกล้าตอแยแล้ว สูตรสำเร็จแบบนี้ถูกงัดมาใช้ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา
โบราณว่าคนจะเปลี่ยนหรือไม่ให้มองตอนที่มีอำนาจ คำเตือนนี้ใช้ได้มาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งยุคไทยแลนด์ 4.0 เองก็ตาม บรรดาแกนนำม็อบที่โบกมือดักกวักมือเรียกเผด็จการยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้ง ถึงนาทีนี้คดีความที่ติดตัว เดิมทีคิดว่าจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษคืออาจจะยื้อหรือลากยาวออกไป แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิดหรือที่คุยกันไว้ ทำไปทำมากลับมีการเร่งรัดให้รวดเร็วจนคนที่ถูกกล่าวหาตั้งตัวไม่ทัน
เจอไม้นี้เข้าไปทำเอาคนบางคนอยู่เฉยไม่ได้ ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองถูกยัดเข้าไปในตะราง ทั้งการตั้งพรรคการเมืองและคลอดนโยบายหลายอย่างที่มองกันได้ว่ามีเป้าประสงค์อย่างไร รวมไปถึงความเคลื่อนไหวส่วนตัวที่พยายามจะดิสเครดิตองค์กรอิสระที่ตรวจสอบตัวเองเป็นระยะ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเคยยกหางสนับสนุนว่าดีเยี่ยมที่เล่นงานคนในระบอบทักษิณ
ความเป็นจริงที่เจ็บปวดของนักการเมืองที่ถูกไล่ล่า ทั้ง ๆ ที่ชูธงเรื่องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่ชูมือสองข้างสนับสนุนเผด็จการชนิดที่ไม่กลัวพวกสนับสนุนที่รักประชาธิปไตยจะไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นวังวนแห่งการใช้อำนาจ ที่ไม่สนใจว่าใครจะเคยทำอะไรเพื่อให้ตัวเองก้าวขึ้นสู่เป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ หากทำตัวเป็นเหมือนคู่แข่งจำเป็นต้องกำจัดพ้นเส้นทาง ซึ่งนั่นบางทีอาจเป็นเพียงผลพลอยได้ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นมันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น
โจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลคสช.คือการสลายสีเสื้อแห่งความขัดแย้ง ที่ว่ากันตามความจริงถึงเวลานี้บรรยากาศเสื้อสีต่าง ๆ แทบจะไม่หลงเหลือให้เห็น แต่ที่เป็นไปและถูกจับตาคือการที่กรรมการกระโดดเป็นผู้เล่น ใส่สีเสื้อสร้างความขัดแย้งเสียเอง ตรงนี้ต่างหากที่น่ากลัว เพราะถึงเวลาที่ต้องถอดหัวโขนเผด็จการออกแล้วเดินกันด้วยอำนาจปกติ ไม่มีใครเดาได้ว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองจะเดินไปในทิศทางใด