พาราสาวะถี
กับคำถามที่ว่าทำไมเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยจึงไม่เลิกกลัว ทักษิณ ชินวัตร เสียที มีเหตุหรือหาเรื่องที่จะต้องพาดพิงพูดถึงอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนพูดเองว่าให้ก้าวข้ามทักษิณได้แล้ว ภาพของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทักทายพร้อมกระแนะกระแหนผู้หญิงชื่อ “ยิ่งลักษณ์” ที่จังหวัดระนองเมื่อวันจันทร์น่าจะอธิบายอะไรได้อยู่พอสมควร
อรชุน
กับคำถามที่ว่าทำไมเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยจึงไม่เลิกกลัว ทักษิณ ชินวัตร เสียที มีเหตุหรือหาเรื่องที่จะต้องพาดพิงพูดถึงอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนพูดเองว่าให้ก้าวข้ามทักษิณได้แล้ว ภาพของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทักทายพร้อมกระแนะกระแหนผู้หญิงชื่อ “ยิ่งลักษณ์” ที่จังหวัดระนองเมื่อวันจันทร์น่าจะอธิบายอะไรได้อยู่พอสมควร
ไม่รู้ว่าต้องการจะหยอดมุกเพื่อเรียกเสียงฮาหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทว่าการพูดถึงคนที่ตัวเองยึดอำนาจมานั้น มันสะท้อนให้เห็นถึงภาพของความเป็นนักการเมืองที่เด่นชัด การเก็บทุกเม็ดเล่นทุกดอกไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด ที่อีกด้านอาจถูกมองได้ว่ายังมีความขยาด หวาดกลัวต่อเครือข่ายของระบอบทักษิณอยู่หรืออย่างไร
ทันทีทันใด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนที่ถูกพาดพิงถึงก็ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @PouYingluck ว่า “ขอถามท่านอดีตผบ.ทบ.ว่ายังจำชื่อนี้ได้อยู่เหรอคะ” ฟังดูแล้วอาจไม่มีอะไร แต่พิจารณาให้ลึกเข้าไปในสารที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงสื่อมา เป็นการตอกย้ำภาพของผู้นำเผด็จการที่เจ้าตัวไม่ได้ให้เครดิตในความเป็นผู้นำประเทศ แต่พูดถึงในฐานะอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตัวเองเคยเป็นทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ต้องยอมรับความจริงกันประการหนึ่งสำหรับเครือข่ายของพวกต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่เอาประชานิยม ไม่ว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองจะอยู่ในรูปแบบใด มักจะมีการพาดพิงให้เป็นประเด็นอยู่ร่ำไป คนจำนวนไม่น้อยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เหตุผลง่ายนิดเดียว คิดอะไรไม่ออกเอ่ยชื่อทักษิณแล้วก็ต่อท้ายด้วยข้อกล่าวหา จากที่ติดลบก็จะได้คะแนนเชียร์กระหึ่มจากพวกถือหางทันทีทันใด
จึงไม่ต้องแปลกใจหากเราจะได้เห็นท่านผู้นำและลิ่วล้อ จะมีลูกหยอดตอดนิดตอดหน่อยกับทักษิณและพวกพ้องอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็มีคำถามว่า ในเมื่อวันนี้มีการผลิตชุดความคิด เดินหน้านโยบายทั้งประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืน แล้วเหตุใดจึงจะต้องมากังวลกับประชานิยมแบบเก่า ๆ ที่องคาพยพของเผด็จการต้องการจะให้ลืมด้วยเล่า
คำตอบของคำถามนี้ไม่มีอะไรมาก ประชานิยมของทักษิณนั้นมันยังไม่จางหายไปจากความรู้สึกของประชาชนผู้ได้รับประโยชน์ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเผด็จการคสช.จะจัดสารพัดโครงการเอาใจรากหญ้า ล่าสุดก็เพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน แต่ทำไมจึงไม่อาจเปลี่ยนใจผู้ชื่นชอบประชานิยมได้
แต่คำตอบที่เป็นวิชาการและน่าจะอธิบายได้อย่างชัดเจนกว่า คงเป็นความเห็นของ ชัยพงษ์ สำเนียง นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เขียนบทความเรื่องปีศาจทักษิณ : การเมืองสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร การสร้างประชาธิปไตยที่กินได้ ซึ่งมีบทสรุปที่น่าสนใจว่า ทำไมคนถึงเรียกร้องหา “ปีศาจทักษิณ” ประชา(นิยม)ธิปไตยที่กินได้
นั่นเป็นเพราะรัฐประหารไม่อาจทำให้คนเท่ากัน เสมอหน้า และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กลับมุ่งแต่สร้างรัฐสังคมสงเคราะห์ที่ทำให้คนตกเป็นไพร่ข้ารอความเมตตา และเรียกทวงบุญคุณอยู่ร่ำไป ทั้งที่เขาเหล่านั้นก็คือเจ้าของประเทศ แต่ไม่มีสิทธิในประเทศนี้อย่างที่มีที่เป็นในรัฐรัฐประหาร แน่นอนว่า คาดเดาพร้อมฟันธงได้เลยความเห็นเชิงวิชาการลักษณะนี้จะถูกปฏิเสธจากฝ่ายเผด็จการอย่างไม่ต้องสงสัย
พิจารณาได้จากที่ระยะหลังแทบจะทุกเวที ท่านผู้นำจะย้ำแล้วย้ำอีกถึงการออกกฎหมายต่าง ๆ ว่าไม่ได้มุ่งช่วยเหลือหรือเอาใจนายทุน คนร่ำรวย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่มีใครไปตั้งคำถาม หลายครั้งคนยังสงสัยด้วยซ้ำว่าเวทีที่ท่านไปพูดนั้นมันเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร นั่นเป็นภาพสะท้อนของการแก้ตัวเพื่อไม่ให้ถูกครหาว่า “อุ้มคนรวยไม่ช่วยคนจน”
จริงอย่างที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แม้กระทั่งโครงการบัตรคนจนสิ่งที่คนสงสัยกันมากและคงจะอธิบายกันยากคือ ผลประโยชน์คนจนได้รับผ่านสินค้าที่ซื้อไปใช้ในชีวิตประจำวันเดือนละ 300-500 บาทตามมูลค่าในบัตรที่ได้รับ แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่จากการจับจ่ายใช้สอยตกไปอยู่กับใคร เป็นที่เข้าใจกันได้อยู่แล้ว ล่าสุดก็มีการเสริมออฟชั่นเข้าไปในบัตรดังว่าอีก
กล่าวคือ ให้คนจนสามารถเบิกเป็นเงินสดผ่านเอทีเอ็มได้ แต่ข้อแม้คือจะต้องเป็นเงินส่วนต่างที่เพิ่มให้ไม่ใช่เงิน 300, 500 ที่มีอยู่เดิม เป็นเงินที่เพิ่มให้ 50 และ 100 บาท คนจนต่างดีอกดีใจ ปัญหาคือ คนที่ไม่เคยกดเอทีเอ็มไม่รู้ว่าผู้ที่ได้เงินเพิ่ม 50 บาทนั้นมันกดไม่ได้ เพราะเงินที่จะกดได้ต้องเป็นหลักร้อยเท่านั้น ใครอยากได้เงินสดส่วนนี้ต้องรอให้ครบ 2 เดือนก่อน
นี่คือประชานิยมจำแลง ที่คนคิดและทำมุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจ แต่ไม่ได้อธิบายว่าสิ่งที่จัดให้ต่าง ๆ นั้นมันใช้ได้ทันทีหรือมีเงื่อนไขอย่างไร แม้กระทั่งเรื่องของการใช้บัตรในการเดินทางที่นับตั้งแต่ออกบัตรคนจนมาก็เพิ่งจะสามารถใช้การได้ ด้วยเหตุติดขัดปัญหาความไม่พร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือ เหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่าความเมตตาจากเผด็จการที่จัดให้หวังสร้างคะแนนนิยม โดยไม่คำนึงว่าวิธีบริหารจัดการจากนั้นจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันก็จะคอยทวงบุญคุณอยู่ตลอดเวลา
คงไม่ต้องบอกว่าทวงกันอย่างไร ประเภทที่พูดทุกเวทีอย่าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ตัวเองทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศนี้ดีขึ้น ยอมเสียสละมาทำงานให้ หากเป็นคนที่มีจิตอาสาจริงจะไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ ยิ่งเป็นความตั้งใจเข้ามาทำให้บ้านเมืองด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องทวงความชอบธรรม เพราะหากทุกอย่างเป็นประโยชน์ คนไม่เดือดร้อนจริง ประชาชนจะยกย่องสรรเสริญกันเซ็งแซ่ และต้องการให้คน ๆ นั้นหรือคณะบุคคลคณะนั้นอยู่บริหารประเทศต่อไปแน่นอน
ความเป็นจริงเรื่องเสียงตอบรับ สิ่งที่ทำให้รับรู้ได้ว่าผู้มีอำนาจและคณะกังวลแม้จะมีการวางกลไกเพื่อเอื้อให้กลับมาสืบทอดอำนาจ ไม่มีผู้ครองอำนาจที่ใดในโลกนี้จะบ้าและโง่พอที่จะเลื่อนเวลาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกตัวเองในจังหวะที่เชื่อมั่นว่าคะแนนนิยมสูงลิ่ว โรดแมปเลือกตั้งดิ้นได้จนไม่กล้าเปิดเพลงที่บอกว่าเราจะทำตามสัญญาเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนยิ่ง