พาราสาวะถี

ช่วงนี้ข่าวนักร้องดังกับไบโพล่าร์ตกเป็นที่สนใจของคนทั่วไป แต่ในทางการเมืองท่าทีของท่านผู้นำที่ตวาดนักข่าวหาว่าต่อปากต่อคำ พร้อมด้วยคำสบถอย่างลืมตัว ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นอาการเดียวกันกับนักร้องดังหรือเปล่า แต่หากมองอย่างเปรียบเทียบนักร้องดังถูกพ่วงเรื่องสารเสพติด ซึ่งทางครอบครัวก็ยืนยันแล้วว่าผลตรวจไม่พบแต่อย่างใด


อรชุน

ช่วงนี้ข่าวนักร้องดังกับไบโพล่าร์ตกเป็นที่สนใจของคนทั่วไป แต่ในทางการเมืองท่าทีของท่านผู้นำที่ตวาดนักข่าวหาว่าต่อปากต่อคำ พร้อมด้วยคำสบถอย่างลืมตัว ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นอาการเดียวกันกับนักร้องดังหรือเปล่า แต่หากมองอย่างเปรียบเทียบนักร้องดังถูกพ่วงเรื่องสารเสพติด ซึ่งทางครอบครัวก็ยืนยันแล้วว่าผลตรวจไม่พบแต่อย่างใด

ขณะที่ฝ่ายผู้มีอำนาจอันหมายถึงท่านผู้นำ เมื่ออาการใกล้เคียงกันกับนักร้องคนดังว่า ก็น่าจะเกิดจากการเสพติดเช่นกัน นั่นก็คือเสพติดอำนาจ เพียงแต่ว่าอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่มีปัจจุบันนั้น อาจทำให้คนรักคนชอบ มีเสียงสรรเสริญทั่วทิศที่สามารถสยบความขัดแย้ง หยุดความเคลื่อนไหวการแบ่งขั้วแบ่งสีได้ แต่อีกด้านอำนาจดังว่ากลับไม่สามารถเนรมิตให้คนส่วนใหญ่อยู่ดีกินดีได้

ปัจจัยหลังนี้เป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด เพราะมันหมายถึงการที่จะหวนกลับมาสืบทอดอำนาจของผู้ยิ่งใหญ่ในปัจจุบันด้วย เมื่อยังไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนซึ่งเป็นเรื่องหลัก แต่ดันอยากจะมาสานต่องานโดยอ้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คนที่ยกมือเชียร์ก็ชักจะเข็ดขยาด ขนาดมีอำนาจเด็ดขาดไร้ฝ่ายค้านยังทำได้แค่นี้ แล้วถ้ามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกอย่างต้องต่อสู้ในสภาจะพากันไปรอดได้หรือ

ตรงนี้มองจากกลไกของกฎหมายปกติ เว้นเสียแต่ว่าจะมีการเล่นแร่แปรธาตุ พาเอาอำนาจเผด็จการติดตัวไปหลังเลือกตั้งด้วยนั่นก็อีกเรื่อง บางคนอาจแย้งว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ของพรรค์นี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ก็ขนาดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรงอย่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส. แทนที่จะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังใช้อภินิหารกฎหมายลากยาวไปอีก 90 วันได้ นับประสาอะไรกับสิ่งที่จะทำเพื่อให้ตัวเองมั่นคงในอำนาจจะทำไม่ได้
เพียงแต่ว่าในบริบทที่ผู้คนในสังคมรวมไปถึงสังคมโลกจับจ้องมองกระบวนการคืนประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ต้องติดตามกันว่าจะเกิดภาพอย่างหนาอ้างสารพัดเหตุผลในการที่จะใช้กฎหมายพิเศษหรือเครื่องมือเฉพาะเพื่อให้องคาพยพแห่งอำนาจของตัวเองได้เดินต่อหรือไม่ อย่างไร กระบวนยุทธ์ของพวกเนติบริกรนั้น อย่างที่บอกหลายครั้งแม้แต่ศรีธนญชัยยังอาย

จะว่าไปสำหรับกรณีที่ท่านผู้นำตวาดสื่อ คงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเพราะไม่เห็นสมาคมวิชาชีพออกมาปกป้องหรือแถลงการณ์แสดงทีท่าใด ๆ คงต้องปล่อยกันไปตามยถากรรม สำนักข่าวที่มีตัวแทนของตัวเองติดตามท่านผู้นำ คงต้องสร้างภูมิคุ้มกันกันหนักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าวันใดจะมีคำถามที่ส่งไปแล้วไม่ตรงกับคำตอบที่ผู้มีอำนาจอยากจะพูดหรือไม่

ต้องยอมรับสภาพการเป็นกระโถนท้องพระโรง ขณะเดียวกันต้องอย่าลืมว่าก่อนที่ผู้นำจะปรี๊ดแตกนั้น ได้พูดบนเวทีที่เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นปี 2561 โดยขู่ที่จะฟ้องสื่อด้วยเหตุผลพาดหัวสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลและคสช. ซึ่งในฐานะคนที่ยึดถือกฎหมายเป็นสำคัญคนก็อยากให้เกิดภาพดังว่านั้น มีปัญหาไม่พอใจตรงไหนก็ไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องมาใช้ศาลเตี้ยทางอารมณ์พ่นน้ำลายให้ตัวเองเสียหายเหมือนที่เป็นอยู่

ต่างพรรคแต่มองอาการหลุดของท่านผู้นำน่าจะใกล้เคียงกัน อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด จากค่ายเพื่อไทยชี้บิ๊กตู่หงุดหงิดเพราะยื้ออำนาจไปก็พังเลือกตั้งก็แพ้ ขณะที่ ชำนาญ จันทร์เรือง จากค่ายอนาคตใหม่ ระบุ การอารมณ์เสียบ่อย ๆ ของท่านผู้นำเป็นเพราะถูกบีบด้วยมติมหาชนที่พุ่งไปที่การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้นำที่ถนัดแต่สั่งให้คนซ้ายหันขวาหัน คงไม่ชอบให้ใครมากดดัน และเป็นแรงกดที่เป็นผลจากการทำงานของตัวเองที่ถูกมองว่าไร้ฝีมืออีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะออกอาการแต่ท่านผู้นำก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญคือการคลายล็อกให้พรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรม 6 ด้านเหมือนอย่างที่ วิษณุ เครืองาม บอกไว้ก่อนหน้า โดยจะมีการหารือกันของคสช.ภายในสัปดาห์นี้ เมื่อพิจารณาจากเงื่อนเวลาที่เนติบริกรประจำรัฐบาลระบุว่าจะต้องแล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายน ทั้งการคลายล็อกและปมไพรมารีโหวต ก็น่าจะจบและเคาะกันได้ภายในสัปดาห์นี้

สงสัยจะถูกหลอกซ้ำซากหรืออย่างไรไม่ทราบ ขณะที่พรรคการเมืองจำนวนไม่น้อยยังไม่มีความมั่นใจว่ากระบวนการที่ทางรัฐบาลและคสช.ว่ามาทั้งหมดจะทำได้ตามนั้นหรือไม่ เพราะมักจะมีข้อแม้ต่อท้ายด้วยทุกครั้ง แต่ไม่ค่อยจะได้เห็นท่าทีอันชัดเจนต่อการชักเข้าชักออกดังกล่าวมาจากพรรคการเมืองใหญ่อย่างประชาธิปัตย์

ทว่าล่าสุด ราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคเก่าแก่ ฟันธงว่า เชื่อคำพูดของผู้มีอำนาจมันจะเลื่อนลอย วันนี้พูดอีกอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง นี่เป็นการสะท้อนภาพที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีจุดยืนไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการได้พูดกันมาตลอด ทุกคำพูดของฝ่ายกุมอำนาจนั้นเชื่อถือไม่ได้ เพราะพฤติกรรมและการผิดคำสัญญาหลายหนมันเป็นตัวบ่งชี้

ขณะที่ความเชื่อถือเรื่องวันเลือกตั้งยังเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ฝ่ายเตรียมการอย่างกกต.ไม่รอช้า มีการยกร่างระเบียบต่าง ๆ ไว้รอแล้ว มีประเด็นที่ให้สังคมจับตามองอยู่เรื่องหนึ่งคือ ร่างระเบียบกกต.ว่าด้วยการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการใช้โซเซียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ นั่นเอง โดยที่ฝ่ายกกต.ยืนยัน ระเบียบดังว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ไม่อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือกระทำความผิดหรือใช้ช่องทางดังกล่าวนี้ไปใส่ร้ายป้ายสีหรือโฆษณาหาเสียงเกินความจำเป็น

จะว่าไปแล้วประเด็นนี้ความจริงไม่น่าเป็นห่วงเพราะมีกฎหมายว่าด้วยคอมพิวเตอร์คอยกำกับดูแลอยู่แล้ว หากใครกระทำผิดตามกฎหมายนี้ กกต.ก็นำมาประกอบการดำเนินการก็น่าจะไม่ยาก เพราะยุคสมัยเปลี่ยนวิธีการหาเสียงก็ต้องปรับตาม สิ่งที่กกต.ควรทำน่าจะเป็นการเตรียมเจ้าหน้าที่ที่ติดตาม ตรวจสอบเรื่องนี้น่าจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาคำตอบที่ได้รับคือมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ถ้าจะจับผิดพวกใช้โซเซียลสร้างคะแนนนิยม นอกจากคนต้องเพียงพอแล้วยังต้องเชี่ยวชาญและจับให้ได้ไล่ให้ทันด้วย

Back to top button