หุ้นเด่นลงทุนกลาง-ยาว

ดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุดยังมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงจากแรงกดดันของวิกฤตค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ประกอบกับเรื่องของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ที่ยังไม่มีข้อสรุปออกมา รวมถึงประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ต้องต้องติดตาม ขณะที่ทิศทางทางตลาดในประเทศไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน


เส้นทางนักลงทุน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุดยังมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงจากแรงกดดันของวิกฤตค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ ประกอบกับเรื่องของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา ที่ยังไม่มีข้อสรุปออกมา รวมถึงประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ต้องต้องติดตาม ขณะที่ทิศทางทางตลาดในประเทศไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน

แม้จะมีการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นๆ ก็เป็นเพียงการเกิดเทคนิเคิลรีบาวด์หลังร่วงแรงเท่านั้น การที่ดัชนีปิดต่ำกว่าที่ 1,700 จุด ทำให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีได้ย้ายลงมาอยู่ในกรอบแกว่งตัวที่ 1,650-1,700 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเหมาะสมที่นักลงทุนที่จะหาช่องทางสะสมหุ้นในบริเวณดังกล่าว เพื่อเก็งกำไรว่าดัชนีจะสามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดเหนือแนวต้านที่ 1,700 จุดได้อีกครั้ง โดยเชื่อว่าดัชนีจะสามารถเคลื่อนไหวกลับขึ้นมาอยู่ในกรอบย่อยแรกที่ระดับ 1,720-1,750 จุด

ดังนั้นด้วยช่วงระยะรอดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ช่วงระยะนี้อาจเป็นจังหวะของนักลงทุนเข้าไปทยอยสะสมหุ้นในช่วงราคาหุ้นถูก ทั้งนี้มีการหยิบยกหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวในการทยอยสะสมรอบนี้ คือ BBL, COM7, CK, SEAFCO, AEONTS, MINT, PLANB, IVL, ANAN และ BTS เป็นต้น

หุ้นตัวอย่างหุ้นที่น่าลงทุนระยะกลาง-ยาว คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีการคาดว่าจะรายงานผลประกอบการฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2561 เป็นต้นไปเนื่องด้วยการหนุนโดยสินเชื่อเติบโตกลุ่มบรรษัทขนาดใหญ่ หากเศรษฐกิจดีขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง ธนาคารมีโอกาสตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ ลดลงต่ำกว่าประมาณการกันไว้  และรายงานรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่ประเมิน ซึ่งจะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร

บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 มองว่าสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี บริษัยังมี upside risk จากแฟรนไชส์ที่บริษัทเพิ่งเริ่มขยายสาขา ซึ่งหากการดำเนินการชัดเจนจะมีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการได้

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK มีทิศทางรายได้และกำไรยังคงแข็งแรงจากระดับ Backlog ที่ดี อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีน่าจะลดลง รวมถึงรอลุ้นภาครัฐทยอยเปิดประมูลโครงการตามแผน โดยทางบริษัทสามารถเข้าประมูลงานก่อสร้างเอง หรือใช้กลยุทธ์การรับงานผ่านบริษัทลูก

บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO มองว่าผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2561 เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ ประกอบกับนักวิเคราะห์คาดผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นสูงในปี 2562 จากโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่างานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปี 2561 จะทำให้ผลประกอบการเติบโตทำสถิติใหม่อีกครั้ง

บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS จะกลับมาเน้นการเติบโต และพัฒนาทีมตามชำระหนี้ และคาดว่า 1) ยอดการเติบโตของบัตรเครดิตที่สูง และสินเชื่อส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 2) หนี้เสียที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วง 6-12 เดือน และ 3) ความประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตจาก CLMV หลังปี 2563

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จะมีกำไรงวดไตรมาส 3/2561 ที่น่าตื่นเต้น เพราะโรงแรมที่ยุโรปเข้าสู่ไฮซีซั่น ขณะที่โรงแรมที่โปรตุเกสและบราซิล คาดว่าอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) จะเป็นตัวเลขสองหลักทีเดียว ขณะที่ไทยยังเป็นฤดูกาลที่อ่อนตัว จึงนับได้ว่า MINT จะฟื้นตัวเร็วกว่าหลักทรัพย์อื่น ๆ ในกลุ่ม

บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB  ยังมีเชิงบวกทั้งกับกลุ่มสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out of Home Media) และกับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท โดยคาดกำไรครึ่งปีหลังจะเติบโตในอัตราเร่งต่อเนื่องจากการเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาดิจิทัลใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการ Central World Connect และมีมุมมองเชิงบวกกับการขยายธุรกิจ Engagement Marketing ซึ่งช่วยเร่งการเติบโตของ Utilization Rate ในพื้นที่สื่อต่าง ๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นตลอดปี 2561-2562

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ถือเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์มากสุดในขาขึ้นของอุตสาหกรรม PET และ Polyester แต่เมื่อสเปรดเริ่มอ่อนตัว คาดว่าจะมีผลกระทบในระยะนี้ แต่บริษัทก็ยังคงมีผลิตภัณฑ์อื่นที่ขายในภูมิภาคอื่น เช่น ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป เข้ามาพยุงปัจจัยลบจากการแข่งขันสูงในตลาดเอเชียได้ ถึงอย่างไร IVL เป็นหุ้นที่ดีในระยะปานกลางต่อไป

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN มีการคาดว่าจะมีกำไรสุทธิครึ่งหลังปี 2561 เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม โดยในงวดไตรมาส 3/2561 ยังคงคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่นทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยหลัก ๆ จะยังคงมาจากโครงการคอนโดมิเนียม Ashton จุฬา-สีลม และ Ashton อโศก ที่คาดว่าจะสามารถโอนมากขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนในไตรมาส 4/2561 มีลุ้นกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากคอนโดมิเนียมเดิมที่โอนได้เพิ่มขึ้น และจะมีคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มโอนอีก 3 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง และทำยอดขายได้แล้วค่อนข้างดี

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  มีการคาดกำไรเติบโตต่อ เนื่องจาก 1) ผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านและการควบรวมงบการเงินของบริษัทย่อย และ 2) ผลขาดทุนจากธุรกิจอสังหาฯ ลดลง  นอกจากนี้จะมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนในไตรมาสที่เหลือจาก 1) สายสีชมพูและสายสีเหลือที่จะเปิดเดินรถในไตรมาส 2/2562 และ 2) ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ในเดือน ธ.ค.

เนื่องจากหุ้นที่นำเสนอคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้เรื่อย ๆ ในอนาคตจากปัจจัยหนุนที่ชัดเจน

Back to top button